« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2011, 10:02:07 pm »
0
ยึดมือถือ คือบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดของวัยรุ่น...นาทีนี้
ปลายปี ที่แล้ว ซีจำได้เลยว่า มีผลสำรวจว่า วัยรุ่นไทยมีมือถือเป็นของตัวเอง อันดับ1ในภูมิภาค และ คุยมือถือเยอะที่สุด เป็นอันดับ1 เมื่อเทียบกับเด็กวัยรุ่นประเทศอื่นในเอเชียด้วย
ไม่รู้ว่าผลสำรวจของปีนี้เด็กไทยจะรักษาแชมป์ไว้ได้หรือไม่...
ไม่รู้ และไม่ได้ภูมิใจเท่าไหร่อีกด้วยค่ะ เพราะถ้าเด็กไทยใช้ 3G สร้างกำไรจากการขายของออนไลน์ได้มากที่สุดในภูมิภาค เอ่อ อ้ันนี้ค่อยน่าเบ่งหน่อย...
สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อความในทวิตเตอร์ที่ร้อนแรงที่สุดที่ ซีได้ทวีต และมีคนรีทวีตมากกว่า 100 ครั้ง คือ "วิธีลงโทษที่วัยรุ่นกลัวที่สุดคือ ยึดมือถือ"เห็นทีจะ ไม่ใช่แค่วัยรุ่นไทยที่ ติดมือถือแบบอวัยวะที่ 33 เพราะนาทีนี้ วัยรุ่นอังกฤษกว่า 90% นั้นก็มีมือถือเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว เชื่อมั้ยคะว่า...เด็กอังกฤษกว่า 3 ใน 4 มีค่านิยมว่า มือถือเป็นของที่มีค่าที่สุด ที่พึงจะมีอยู่ในครอบครอง...โดยที่อันนี้ เค้าก็ไม่ได้ใส่ ปล.มานะคะว่า มีค่ากว่าชีวิตด้วยหรือไม่ เพราะคำพูดนี้ทำให้ซีย้อนคิดถึง ข่าววัยรุ่นจีนขายไตแลกไอแพดเลย
แน่นอน ว่า "มันคือจุดอ่อน" ที่ผู้ปกครองจับได้ เชื่อมั้ยคะ การลงโทษแบบเดิมที่เคยได้ผลพวกกักบริเวณไม่ให้ไปไหน หรือ หักค่าขนมยังไม่ได้ผลเท่า "ยึดมือถือ"ให้ตัดการติดต่อสื่อสารเลย นี่คือผลการวิจับของทาง T-mobile ที่ นสพ.TELEGRAPH ได้รายงานออกมา โดยทำสำรวจทั้งแม่และเด็กกว่า 4,000 ชีวิต เพื่อความแม่นยำ
ผลปรากฎว่า เด็ก 1 ใน 6 ของกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 11-18 ปีบอกว่า การที่พ่อแม่ตัวเองนั้นยึดมือถือ คือบทลงโทษที่น่ากลัวที่สุด...1 ใน 6 เป็นสัดส่วนไม่เยอะใ่ช่มั้ยคะ ผลสำรวจบอกว่า ตัวเลขนี้กระโดดสูงเพิ่มถึง 80% ถ้ามือถือที่ถูกยึดเป็นสมาร์ทโฟน เพราะทำให้อดเล่นแอพแชทส่งข้อความสารพัดค่ะ แหม...ฟังดูเหงา
วัยรุ่นประมาณ 15% ถูกยึดมือถือเดือนละครั้ง เพราะใช้เงินเกินตัว แต่ก็อีกนั่นแหละ เหตุผลนี้ คงคิดได้ไม่ยากว่า ยึดมือถือ ไม่ได้ยึดกระเป๋าตังค์สักหน่อย มือถือสมัยนี้ถูกลงเยอะมาก ยึดมือถือไปเดี๋ยวไปซื้อเครื่องถูกๆแสตนด์บายรอไว้ก็ได้นิน่า...ตรรกะในการ ยึดมือถือ คงต้องวางแผนซับซ้อนมากขึ้นนะคะ อย่างเช่นการยึดเครื่องโดยไม่กำหนดเวลาในการยึด
ในขณะที่ คุณลูกบางคนไม่ติดมือถือแต่ติดเกม ติดเครื่องเล่นเพลงมากกว่าล่ะ ยังงี้ต้องยึดของพวกนี้ด้วยเลยมั้ย อันนี้สุดแล้วแต่กระบวนท่าของผู้ปกครองแต่ละคนนะคะ
แต่คุณอย่าลืมว่า บทลงโทษ คือ สิ่งสุดท้ายที่จะทำเมื่อความเสียหายเกิดขึ้น ทางที่ดี ขอให้เทคโนโลยีไม่มาเป็นช่องว่างของความอบอุ่นในครอบครัวนะคะ เพราะซีเชื่อว่า ผู้ผลิตนวัตกรรมเหล่านี้เค้าคิดเทคโนโลยีมาเพื่อให้มนุษย์สื่อสารกันได้มาก ขึ้น มีความสุขมากขึ้น และฉลาดมากขึ้นค่ะ
ซี ฉัตรปวีณ์
Twitter : Twitter.com/ceemeagain
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/tech/220123