หนาวนี้ พาเที่ยวงาน ′ราชพฤกษ์ 2554′ ที่"เชียงใหม่"เจ้า
หน้าหนาวทีไร ใครๆ ก็บอกว่าต้องขึ้นไปเที่ยว เมืองเหนือ ไปสัมผัสอากาศหนาว ๆ ที่ปีนี้ หนาวจับใจกันเลยทีเดียว แต่นอกจากจะไปสัมผัสอากาศหนาวแล้ว หลายๆคนก็คงไปเพื่อไปชมความงดงามของบรรยากาศเมืองเหนือและดอกไม้สวยๆที่แข่งกันออกดอกบานสะพรั่งในฤดูอากาศหนาวๆอย่างนี้ และเมืองปลายทางยอดฮิตของหลายๆคนที่เมื่อจะไปเมืองเหนือ ก็คงไม่พ้นจังหวัด ′เชียงใหม่′ เจ้าาา
เชียงใหม่หน้าหนาว ยินดีรับแขกทุกคน .. ด้วยการจัดงานและกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวกันอย่าง ม่วนอ๊กม่วนใจ๋ แน่นอนว่า ย่อมต้องมีงานเกี่ยวกับการแสดงพรรณไม้และสวนต่างๆ
โดยในปีนี้ เชียงใหม่มีงานเกี่ยวกับพันธุ์ไม้งานใหญ่ นั่นคืองานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2554 ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลายๆคนที่ได้ไปเที่ยวงานมหกรรมพืชสวนโลกในครั้งนั้น คงยังจำได้ถึงความยิ่งใหญ่ตระการตาและสวยงามของงานพืชสวนโลก ′มติชนออนไลน์′ อยากบอกว่า งานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ก็ยิ่งใหญ่ตระการตาไม่แพ้งานเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เช่นกัน แถมยังมี ไฮไลต์ใหม่ๆ แปลกๆ ให้เราได้เที่ยวชมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ไฮไลต์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับงานในครั้งนี้ ก็คงหนีไม่พ้น ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ หรือ กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า (Giant Flora Wheel) นำเข้ามาจากดูไบหอคำหลวงจากมุมสูง พร้อมกับไฮไลต์ใหม่นั่นก็คือ กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า
เมื่อขึ้นไปแล้ว สามารถมองเห็น ทัศนียภาพ 470 ไร่ของงานนี้ได้ 360 องศา ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก กับราคา 120 บาท ต่อ 6 นาที ที่จะได้ขึ้นไป ชมวิวจากมุมสูง และยิ่งในยามค่ำคืน เมื่อกระเช้าลอยฟ้านี้เปิดไฟ ไปทั้งตัวกระเช้า ก็ยิ่งทำให้กระเช้านี้สวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก และให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในสวนสนุกกันเลยทีเดียว
ไฮไลต์ใหม่อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ สวนแสงแห่งจินตนาการ (Imagination Light Garden) สวนที่จะเปิดไฟสวยงาม ให้เห็นผีเสื้อหลายร้อยตัว บินไปมาราวกับมีชีวิตจริง พร้อมทั้งดอกไม้ ต่างๆ นานา สวยงาม ที่เกิดจากการเนรมิตจากดวงไฟ ใครที่ชอบแสงสียามค่ำคืน ไม่ควรพลาด !สวนแสงแห่งจินตนาการ ที่ในยามค่ำคืนจะเปิดแสงไฟสวย ให้สวนราวกับมีชีวิตจริง
อีกไฮไลต์หนึ่งที่เด็ก ๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาดนั่นก็คือ สวนเยาวชนรักษ์โลก ที่เป็นสื่อมัลติมีเดียที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การอนุรักษ์พลังงาน การลดโลกร้อน อย่างสนุกสนาน
ในยามค่ำคืนนั้นนอกจาก ไฮไลต์สำคัญคือ สวนแสงแห่งจินตนาการแล้วนั้น ยังมี การแสดงแสงสีเสียงบริเวณริมบึงน้ำภายในงาน ที่จะจัดแสดงแสงสีเสียงประกอบม่านน้ำ อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ที่ขอแนะนำว่า อย่าพลาดเป็นอันขาด
นอกจากไฮไลต์ดังที่กล่าวมานั้น สวนนานาชาติ จากหลายสิบประเทศก็ยังคงอยู่ให้เที่ยวชมครบครัน สวนจากองค์กร หน่วยงานต่างๆ ก็นำมาจัดแสดงกันเต็มที่ รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปดูชมสวนจากประเทศเนเธอร์แลนด์
สวนจากประเทศตุรกี
นอกจากนี้ยังมีสวนบัว ที่จัดแสดงพันธุ์บัวชนิดต่างๆ มากมายหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งบัวจิ๋วที่ปลูกในถ้วยกาแฟได้ บัวกระด้งที่ใหญ่จนเด็กๆ สามารถลงไปนั่งได้ อาคารจัดแสดงพันธุ์ไม้ก็มีให้เลือกดู เลือกชมกันตามอัธยาศัย อยู่ทั่วไปทั้งงาน
แลนด์มาร์คสำคัญของงานอย่าง หอคำหลวง ก็ยังคงตั้งเห็นสวยงามอยู่กลางงานเหมือนเดิมภาพด้านหน้าหอคำหลวง ที่มองเห็นกระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า ไฮไลต์ใหม่ของงาน
สำหรับใครที่กลัวจะเดินเมื่อย ทางงาน ก็มีรถคอยให้บริการ ในราคา 30 บาทตลอดทั้งสาย
ซื้อตั๋วครั้งเดียว นั่งได้ทั้งงาน อยากลงตรงจุดจอดไหนก็สามารถลงไปชม เมื่อชมแล้วจะขึ้นรถไปจุดต่อไป ก็ได้ ไม่ว่ากัน (แต่ถ้านั่งไปสุดสายแล้ว เจ้าหน้าที่จะเก็บตั๋วไป ต้องไปซื้อตั๋วใหม่อีกรอบนะ)
สำหรับงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ เริ่มเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม นี้เป็นต้นไป ไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม ศกหน้า สามารถเที่ยวชมได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 3 ทุ่ม แต่หากไปวัน เสาร์ - อาทิตย์ หรือ วันหยุดนักขัตฤกษ์ งานนี้ก็จะเลื่อนเวลาปิดออกไปเป็น 4 ทุ่ม
ราคาบัตรเข้าชมงานนั้นบัตรแบบครั้งเดียว ระบุวันเข้าชม เด็ก/นศ. ราคาปกติ 100 บาท ผู้ใหญ่ ราคาปกติ 200 บาท บัตรแบบเข้าไม่จำกัดจำนวน เด็ก/นศ.ราคาปกติ 400 บาท ผู้ใหญ่ ราคาปกติ 800 บาท
บัตรแบบหมู่คณะ 15 คนขึ้นไป แบบครั้งเดียว เด็ก/นศ.ราคาปกติ 70 บาท ผู้ใหญ่ ราคาปกติ 150 บาท
นักศึกษาหากไปซื้อบัตรอย่าลืมพกบัตรประจำตัวนักศึกษาไปด้วยนะ ไม่งั้นจะซื้อราคานักศึกษาไม่ได้
เวลาเข้างาน หากเป็นบัตรไม่จำกัดจำนวนครั้ง ก็ต้องพกทั้งบัตรประชาชนและบัตรนักศึกษานำไปแสดงพร้อมบัตรเข้างานด้วยเช่นกัน
สวนจากประเทศญี่ปุ่น ที่จำลองภูเขาไฟฟูจิมาไว้ภายในสวน
สำหรับการเดินทางไปนั้น ทางที่ดีแนะนำว่า ให้ขึ้นรถสาธารณะจากจุดรับส่งทั้ง 19 จุดในตัวเมืองเชียงใหม่ไปจะดีกว่า การนำรถส่วนตัวไปเอง เพราะคนที่จะเข้าไปในงานนั้นจะมีเยอะมาก หาที่จอดได้ลำบาก และรถก็จะติดมาก จะทำให้บรรยากาศการมาเที่ยวไม่สนุก แต่ถ้าอยากนำรถส่วนตัวไปเอง ทางงานมหกรรมก็มีที่จอดรถเตรียมไว้ให้จอดได้หลายร้อยคัน
เวลาดีในการไปงานมหกรรมพืชสวนโลกนี้ ควรจะไปตั้งแต่เช้า เพราะตอนเช้าอากาศจะยังไม่ร้อนมาก (เตรียมร่มกับหมวกไปด้วยก็จะดี) และความกว้างใหญ่ของงานที่ถ้าจะเดินเที่ยวให้ครบทุกที่จริงๆ ก็ต้องใช้เวลาเป็นวัน
ถ้ามีเวลามากพอก็น่าจะใช้เวลาภายในงานให้ครบตั้งแต่เช้าจนค่ำ จะได้เห็นอะไรสวยๆ ดีๆ ให้ครบ คุ้มค่าที่ได้มา
ใครที่รักบรรยากาศของความสวยงามของสวน ต้นไม้ พืชพรรณหลากหลายนานาชนิด (และรักการถ่ายรูป) ไม่ควรที่จะพลาดงานนี้อย่างแน่นอน !ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
เรื่อง / ภาพ : ทิพาภรณ์ สุคติพันธ์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323837846&grpid=01&catid=&subcatid=