การก้าวผ่านช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม มาสู่วันที่ 1 มกราคม เป็นอีกหนึ่งเวลาพิเศษของชีวิต ไม่เฉพาะภาพของการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามตระการตาทั่วทุกมุมโลก แต่หลายคนยึดเอาวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ตนเองจะกลับตัวกลับใจ ละทิ้งนิสัยเดิม ๆ ความเคยชินเดิม ๆ ไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า หรือใช้โอกาสนี้หาแนวทางพัฒนาตนเองให้ดียิ่งกว่าเดิม
เมื่อวันขึ้นปีใหม่มีพลัง และสามารถพามนุษย์เราไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ในหลาย ๆ ด้านได้เช่นนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ทีมงาน Life & Family จะขอรวบรวม 8 คุณลักษณะที่น่า "เปลี่ยนแปลง" เพื่อให้ปี พ.ศ. 2555 นี้เป็นปีใหม่ที่ดีกว่าเดิมสำหรับทุกครอบครัว เริ่มจาก
1. มีน้ำใจ
จากเหตุการณ์มหาอุทกภัย 2554 ที่ "น้องน้ำ" ถล่มประเทศไทยเสียยับเยิน หลายครอบครัวต้องอพยพหนีน้ำเป็นเดือน ๆ บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่วนพืชพันธุ์ทางการเกษตรก็จมอยู่ใต้น้ำส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนย่อยยับ แม้กระทั่งนิคมอุตสาหกรรมก็ไม่รอด การผลิตต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก สินค้าขาดตลาด เกิดความขาดแคลนไปถ้วนทั่ว แต่ในห้วงแห่งความเลวร้ายดังกล่าว ก็มีสิ่งที่เปรียบเหมือนน้ำทิพย์เยียวยาประเทศไทยปรากฏออกมา นั่นก็คือ ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่คนไทยมอบให้แก่กันในยามวิกฤติ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความมีน้ำใจนี่เอง ที่เป็นสิ่งสำคัญ อันดับต้น ๆ ของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขบนโลกใบนี้ หากในทุก ๆ วัน เรามีน้ำใจแก่กัน ต่อให้ภายภาคหน้ามนุษย์ต้องเจอภัยพิบัติจากธรรมชาติ หรือจากการกระทำของมนุษย์เองอีกสักกี่ครั้ง เราก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างแข็งแกร่ง

2. ไม่ยุ่งอบายมุข
หากมนุษย์ไม่เดินเข้าบ่อนการพนัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ยังสามารถยิ้ม สามารถทำงาน และอยู่กับคนที่รักได้ แต่บ่อนการพนันนั้นตรงกันข้าม ถ้าไม่มีมนุษย์เดินเข้าไป หรือสุราเมรัยถ้าไม่มีมนุษย์คนไหนไปเสพ มันจะอยู่ไม่รอด ดังนั้น ที่ผ่านมา ธุรกิจสีดำเหล่านี้จึงพยายามทำตัวให้สนิทชิดเชื้อกับเรา ๆ ท่าน ๆ อยู่ตลอด
แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า ยาเสพติด ล็อตเตอรี่เสี่ยงโชค ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยให้คุณกับใคร ผู้เสพต้องเสียทั้งเงิน ทั้งสุขภาพ ไม่เพียงเท่านั้น มีการวิจัยพบว่า เด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองติดยาเสพติดเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกาย หรือตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากกว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย
อบายมุขนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายและสุขภาพใจแล้ว ยังทำให้ความยากจนมาเยือนได้เร็วกว่าใคร แถมยังนำเราไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทต่าง ๆ เช่น ลักขโมย โกหก ได้อีกด้วย ดังนั้น หากเราสามารถหลีกเลี่ยงอบายมุขได้ ความสุขก็สามารถมาเยือนตัวเราและครอบครัวได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
3. รุกทำความดี
เด็ก ๆ ชอบ และมีฮีโร่ที่เขาโปรดปราน และฮีโร่ในฝันของเด็ก ๆ ก็มักเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น ในฐานะพ่อแม่ ผู้ให้การดูแลครอบครัว การที่พ่อแม่ทำความดีให้ลูก ๆ ดูเปรียบเหมือนเราได้ช่วยสร้างรูปแบบของฮีโร่ให้เกิดขึ้นในใจของเด็ก ๆ และถือเป็นอีกหนึ่งวัคซีนความรักที่พ่อแม่สามารถทำให้ลูกได้โดยไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่ายอีกด้วย

4. ลี้ความฟุ่มเฟือย
หากครอบครัวไทยใช้จ่ายอย่างพอดี ปัญหาหนี้คงไม่เกิด แต่หากย้อนมองอดีต 5 - 10 ปีที่ผ่านมา เราพบว่า มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย ส่วนหนึ่งคงต้องยอมรับว่า เพราะกลไกต่าง ๆ ของประเทศไทยหละหลวม ขาดการควบคุมที่ดี มีการปล่อยปละละเลยกันมากเกินไป จึงทำให้ภาคธุรกิจสบช่อง หาทางจูงใจให้คนไทยนำเงินออกมาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
สำหรับผู้มีครอบครัวแล้วทุกท่าน นิสัยฟุ่มเฟือยไม่สามารถช่วยคุณรักษาครอบครัวให้มั่นคงได้อย่างแน่นอน การรู้จักอดออม และใช้จ่ายอย่างพอดีต่างหากที่ครอบครัวควรยึดเอาไว้ให้มั่น แนวทางที่จะช่วยให้ครอบครัวไกลห่างจากความฟุ่มเฟือย ยกตัวอย่างเช่น การทำบัญชีรายรับรายจ่าย การทำอาหารรับประทานด้วยตัวเอง การนำของเก่ามารีไซเคิล รวมถึงการจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ (หลายครอบครัวเก็บของไม่เป็นระเบียบ พอถึงคราวจะใช้ก็หาไม่เจอ ทำให้ต้องซื้อของเข้าบ้านบ่อย ๆ และถือเป็นความฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่งเช่นกัน) หรือหากจะซื้อของเข้าบ้านก็ควรเลือกที่คุณภาพ ตรงกับความต้องการใช้งาน และมีความทนทาน ไม่ควรซื้อเพราะเห็นว่าถูก กำลังลดราคา หรือโดนป้าย Sale กระตุ้นให้ต้องรีบซื้อ
นอกจากนั้น การใช้ยานพาหนะในชีวิตประจำวันก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ขับรถไปทางเดียวกัน ไปด้วยกันจะประหยัดน้ำมันมากกว่า หรือหากไปซื้อของใกล้ ๆ บ้านก็ใช้จักรยานแทนจะได้ออกกำลังกายด้วย
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หลายครอบครัวทราบดี และปฏิบัติมานาน แต่สำหรับครอบครัวที่มองข้ามหรือฟุ่มเฟือยจนเคยชิน ปีหน้าฟ้าใหม่ก็เป็นโอกาสดีที่จะลองเปลี่ยนไปสู่ความเรียบง่าย ซึ่งเราเชื่อว่าการใช้ชีวิตแต่พอดีนั้นไม่ได้ทำให้คุณสูญเสียสิ่งใดไป แต่มันอาจทำให้คุณ "ได้รับ" สิ่งดี ๆ ตอบแทนกลับมาโดยที่คุณไม่คาดฝันก็เป็นได้
5. ถึงเหนื่อยก็อดทน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตครอบครัวเป็นชีวิตที่เหนื่อย ยิ่งมีลูกด้วยแล้วยิ่งเหนื่อยกว่าเดิมเป็นหลายเท่า คนเป็นพ่อแม่ในยุคนี้จึงต้องอดทนให้มาก เพราะความอดทนนั้นจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ก้าวผ่านความเหนื่อยยากต่าง ๆ ร่วมกันได้ ความอดทนยังมีประโยชน์ต่อครอบครัวในอีกหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น ความอดทนต่อความโกรธจะช่วยให้คู่สามีภรรยาลดการทะเลาะเบาะแว้ง ต่อปากต่อคำซึ่งกันและกันได้ ความอดทนต่อความโลภ ช่วยให้ครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่ต้องคดโกงผู้อื่น ความอดทนต่อความหลง จะช่วยลดปัญหานอกใจ มีกิ๊ก มีชู้ เหล่านี้เป็นต้น
6. มองตนในแง่บวก
หากจะมีของขวัญชิ้นเยี่ยมสักชิ้นที่คนเราสามารถมอบให้กับตัวเองได้ใน ปีใหม่ที่จะมาถึง การมองตัวเองในแง่บวกก็คงเป็นของขวัญชิ้นนั้น เพราะใน 365 วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือลูก ๆ ล้วนต้องเจอเรื่องราวที่ทำให้หดหู่ ท้อแท้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย พ่อแม่ที่เป็นคนทำงานก็อาจเคยโดนเจ้านายต่อว่าทำให้จิตตก หรือมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ส่วนลูก ๆ เองก็มีการเรียนการสอบที่คอยฉุดให้ท้อแท้
มาถึงปีใหม่นี้ คงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ที่จะชวนสมาชิกในครอบครัวเติมพลังด้วย "มุมมองในแง่บวก" เสียที วิธีการก็ไม่ยาก สามารถลองทำด้วยตัวเองได้ เช่น
- การเขียนข้อดีของตนเองลงบนกระดาษ หมั่นอ่านทุก ๆ วัน
- การพูดจาในแง่ดีกับตัวเองและผู้อื่น
- พยายามมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราในแง่ดี แม้จะรู้สึกแย่มาก ๆ ก็ตาม
- พยายามสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ให้เกิดขึ้นรอบตัว เช่น เขียนข้อความดี ๆ ให้กำลังใจตัวเองแปะไว้ที่บอร์ด ปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่น เหล่านี้เป็นต้น
7. อำนวยความสะดวกแก่ผู้อื่น
ที่ผ่านมา มนุษย์เราเห็นแก่ตัวกันมามาก ยิ่งในสังคมเมืองยุคทุนนิยม ยิ่งเปิดโอกาสให้คนมือยาวเข้ามาสาวผลประโยชน์ไปเป็นของตัวได้อย่างไม่ต้อง เกรงใจ ต่างคนจึงต่างพยายามช่วงชิงทรัพยากรมาไว้กับตัวให้มากที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงคนอ่อนแอกว่าที่ยืนแทรกอยู่ตามมุมต่าง ๆ ใครมีพวกมาก ยิ่งคึกคะนอง ใครมีเงินมาก ยิ่งทรงอิทธิพล
ปีใหม่นี้ จึงอาจเป็นโอกาสดีให้เราเลือกที่จะมีชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากสิ่งที่กล่าวมา ข้างต้น หากลองอ่อนน้อมถ่อมตัว อุทิศตัวเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นกันดูบ้าง เราอาจพบว่ามีสิ่งดี ๆ งอกงามขึ้นในใจก็เป็นได้ ยกตัวอย่างการ อำนวยความสะดวกแก่ผู้อื่น เช่น การขับรถยนต์บนท้องถนน หากเราแบ่งปันกันใช้ ใครเปิดไฟขอทางก็ให้ทางไป จะปีใหม่หรือสงกรานต์ก็ไม่ต้องกลัวอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต แถมยังไม่ต้องให้รัฐบาลนำเงินภาษีของประชาชนมารณรงค์การขับรถในช่วงเทศกาล อีกด้วย
จุดมุ่งหมายของข้อนี้ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงแค่ก่อนจะทำสิ่งใด ให้เราให้ความสำคัญกับคนรอบ ๆ ตัวเท่า ๆ กับให้ความสำคัญกับตัวเราเอง เท่านี้ เราก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่จะช่วยดึงความสุขกลับคืนมาได้แล้ว
8. ยืนด้วยรอยยิ้ม
เพราะการยิ้มนั้นช่วยลดความเครียด แถมช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเราจากโกรธ น้อยใจ หรือรู้สึกแย่ ให้ดีขึ้นได้ ในปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคงมีหลายท่านที่เจอเรื่องเครียดแล้วระบายออกมาในรูปแบบของความ รุนแรง ทั้งการด่าทอ ทะเลาะเบาะแว้ง ร้องไห้ หรือกอดขวดสุรา ปีใหม่นี้ลองเปลี่ยนมายิ้มกับทุกเรื่องแย่ในชีวิต คุณอาจได้พบปีมะโรงที่ต่างจากปีเถาะโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
ทีมงานเชื่อว่า พฤติกรรมนำสุขทั้ง 8 ข้อที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านนั้นจะเป็นอีกหนึ่งฐานรากของการสร้าง สิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการเติบโตของอนาคตของชาติ หรือก็คือลูก ๆ หลาน ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี เพราะบนแผ่นดินที่คนมีน้ำใจให้แก่กัน ช่วยเหลือกันและกัน มองโลกในแง่ดี มีความอดทน และไม่หลงใหลในอบายมุขนั้นย่อมมีความสงบร่มเย็น และสามารถเป็น “แผ่นดิน” ที่เหมาะสำหรับพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ให้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไม่ต้องสงสัย
สวัสดีปีใหม่ค่ะ fwd mail ที่น่าอ่านมากครับ
ขอบคุณภาพประกอบจาก Gallery www.madchima.net ครับ