พิมพ์

[มหายันต์]

สวด คาถา พญาไก่เถื่อน เป็นความงมงาย หรือ ไม่ ?

อยากให้ผู้รู้ ช่วยไขประเด็น เหล่านี้ด้วยครับ คือ

1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
4.่สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร

 และยังมีอีกหลายคำถามที่ผม โดนเพื่อน ๆ ชาวกลุ่มปัญญาสวนกลับมา เมื่อไปชักชวนเขาสวดด้วยกันครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ช่วยแก้ข้อสงสัย นี้ด้วยนะครับ

 

[tcarisa]

 

สมาชิก โปรดพิจารณา ในหัวข้อนะคะ

 

[Namo]

 

[raponsan]

กาลามสูตรมีมากกว่า 10 ข้อ!!!

        กาลามสูตร เป็นพระสูตรหนึ่งที่ดังมากของพระไตรปิฏกครับ คนที่ไม่ค่อยจะสนใจศาสนาพุทธ ก็ รู้จักบทนี้ ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ
        จริงๆแล้ว กาลามสูตรได้สอนไว้มากกว่า หลักไม่ควรเชื่อ 10 ประการ แต่ได้สอนถึงหลักที่ควรเชื่อไว้ด้วย รวมไปจนถึงว่า ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ควรทำอย่างไรดี ลองมาอ่านกันดูนะครับ

ที่มา
     สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปถึง ณ เกสปุตตนิคม ของ ชาวกาลามะ ในแคว้นโกศล ทีนี้ ชาวกาลามะก็ได้ไปเข้าเฝ้า แต่ว่า ได้แสดงอาการต่างๆกันไป เพราะว่า ยังไม่เคยนับถือกันมาก่อน และ ชาวกาลามะได้ทูลถามพระพุทธเจ้า เป็นใจความว่า
     พระองค์ผู้เจริญ มี สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มาที่เมือง แล้วก็กล่าวว่า คำสอนของลัทธิตนถูกต้อง แล้วก็เปรียบเทียบ ดูถูก ดูหมิ่น ชักจูงให้ไม่เชื่อในลัทธิอื่น ซึ่งต่อมา ก็มีสมณพรามหณ์อีกพวก มากล่าวถึง คำสอนของลิทธิตนว่าถูก แล้วก็ไป เปรียบเทียบ ดูถูก ดูหมิ่ม ชักจูงให้ไม่เชื่อในลัิทธิอื่น ที่นี้ พวกข้าพระองค์สงสัยว่า พวกไหนพูดจริง พวกไหนพูดเท็จ

หลักไม่พึ่งเชื่อเพราะเหตุ 10 ประการ
    ทีนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสตอบไปว่า เป็นการสมควรแล้วที่ท่านทั้งหลาย จะสงสัยเคลือบแคลง แล้วท่านก็สอนว่า
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยการฟัง(เรียน) ตาามกันมา
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยการถือสืบๆ กันมา
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยการเล่าลือ
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยการอ้างตำรา
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยตรรก
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยอนุมาน
    อย่าปลงใจเชื่อ โดยการคิดตรงตามแนวเหตุผล
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฏีของตน
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ
    อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านนี้เป็นครูของเรา
    ทีนี้พวกเราทั้งหลาย ก็จะจดจำกันแค่นี้ แล้วก็จำเอาไปเถียงกัน แต่ว่า จริงๆพระพุทธเจ้า ท่านได้สอนต่อครับ

หลักพึงเชื่อ
    พระพุทธเจ้า ท่านสอนต่อ เกี่ยวกับหลักพึงเชื่อ มีใจความตามนี้ครับ
    "ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นโทษ ไม่ดี คนดีๆเค้าิติเตียน ไม่มีประโยชน์ ทำแล้วเป็นทุกข์ ก็อย่าทำ แต่ถ้า เป็นสิ่งที่ดี คนดีสรรเสริญ มีประโยชน์ ทำแล้วเป็นสุข ก็ให้ทำ"

ข้างล่างนี้เป็นสำนวนแบบเต็มๆครับ ลองอ่านดูได้
     เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้เป็นโทษ ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือปฏิบัติถ้วนถึงแล้วแล้ว จะเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงละเสีย
     เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ วิญญูชนสรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือปฏิบัติถ้วนถึงแล้วแล้ว จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงถือปฏิบัติบำเพ็ญ

ถ้ายังไม่มีความรู้พอจะตัดสินได้หล่ะ
     ในกรณีที่ผู้ฟังยังไม่มีความรู้มากพอที่จะตัดสินสิ่งนั้นๆ พระพุทธเจ้า ท่านก็สอนไว้เหมือนกันครับ ว่าควรจะทำตัวอย่างไร เช่นเรื่อง ความเชื่อในเรื่อง ชาิตินี้ชาติหน้า โดยมีใจความดังนี้ครับ
     ถ้ายังสงสัยว่า ทำอะไร ก็ให้ทำดีไปก่อน เพราะจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะได้ผลตามมาอย่างไร ถ้าผลแห่งกรรมมี เค้าย่อมได้รับผลดีนั้น ถ้าผลกรรมไม่มี เขาก็ไม่มีอะไรให้กังวล
    ข้างล่างนี้เป็นสำนวนแบบเต็มๆครับ ลองอ่านดูได้

     กาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้น ผู้มีจิตปราศจากเวรอย่างนี้ มีจิตปราศจากความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตบริสุทธิ์อย่างนี้ ยอ่มได้ประสบความอุ่นใจถึง 4 ประการ ตั้งแต่ในปัจจุบันนี้แล้ว คือ

     ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วมีจริง การที่ว่า่ เมื่อเราแตกกายทำลายขันธ์ไปแล้ว จะเข้าถึงสุคติโลกสรรค์ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 1 ที่เขาได้รับ
     ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากกรรมที่ทำไว้ดีทำไว้ชั่วไม่มี เราก็ครองตนอยู่โดยไม่มีทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุขอยู่แต่ในชาติปัจจุบันนี้แล้วว นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 2 ที่เขาได้รับ

     ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่วก็เป็นอันทำไซร้ เรามิได้คิดการชั่วร้ายต่อใครๆ ที่ไหนทุกข์จักมาถูกต้องเราผู้มิได้ทำบาปกรรมเล่า นี้เป็นความอุ่นใจประการที่ 3 ที่เขาไ้ดรับ
     ก็ถ้าเมื่อคนทำความชั่ว ก็ไม่ชื่อว่าเป็นอันทำไซร้ ในกรณีนี้ เราก็มองเห็นตนเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสองด้าน เป้นเป็นความอุ่นใจประการที่ 4 ที่เขาไดรับ

     พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ครอบคลุมดีแล้วในทุกๆเรื่องครับ ดังนั้นเวลาเราจะอ้างกาลามสูตรในครั้งต่อๆไปก็ควรจะอ้างให้ครอบคลุม ไม่ใช่เอามาแต่บางท่อน


อ้างอิงนะครับ สรุปใจความจาก หนังสือ พุทธธรรม (ฉบัับเดิม) แต่งโดย พระพรหมคุณาภรณ์
ที่มา http://trang82.wordpress.com/
http://www.our-teacher.com/our-teacher/01-Dhamma/02-Html/44.htm
http://trang82.files.wordpress.com/

[raponsan]

สวด คาถา พญาไก่เถื่อน เป็นความงมงาย หรือ ไม่ ?

อยากให้ผู้รู้ ช่วยไขประเด็น เหล่านี้ด้วยครับ คือ

1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
4.่สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร

 และยังมีอีกหลายคำถามที่ผม โดนเพื่อน ๆ ชาวกลุ่มปัญญาสวนกลับมา เมื่อไปชักชวนเขาสวดด้วยกันครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ช่วยแก้ข้อสงสัย นี้ด้วยนะครับ

 

      ยินดีคุยเป็นเพื่อนครับ ไม่มีปัญหา
         - ขอให้พิจารณา "กาลามสูตร" ทำให้แจ้งก่อนที่จะตัดสินอะไร
         - ขอให้พิจารณา "อจินไตย" ปุถุชนไม่อาจคิด คิดแล้วจะฟั่นเฟือน
         - ขอให้พิจารณา "ใบไม้นอกกำมือ" แม้อาจจะไม่เป็นมรรคโดยตรง แต่อาจเป็นปัจจัยเสริม
         - กรรมฐานที่มีในพระไตรปิฎก อาจเป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ขอให้พิจารณา พระจูฬปันถกเถระ ท่านลูบผ้าขาวแล้วบรรลุธรรม การทำแบบนี้เป็นกรรมฐานได้อย่างไร
         - คนที่สงสัยลักษณะนี้ อาจสนใจแต่เนื้อหาของ"พุทธวจนะ"ล้วนๆ และอาจไม่อ่านคัมภีร์อรรถกถา การทำเยี่ยงนี้ อาจปิดกั้นโอกาสดีๆ ที่จะได้เปิดโลกทัศน์ของตน (explore your world)

     เพียงแต่เห็นอาหารแล้วบอกว่า "ไม่อร่อย มันจะอร่อยได้อย่างไร ในเมื่อเรายังไม่ได้ชิมมันเลย"
     

     
     ยังคุยไม่จบครับ มีโอกาสจะมาคุยต่อ เพื่อนท่านใด มีความเห็นตามหรือเห็นต่างอย่างไร
     มาคุยให้รู้กันบ้าง
 

[kindman]

สวด คาถา พญาไก่เถื่อน เป็นความงมงาย หรือ ไม่ ?

อยากให้ผู้รู้ ช่วยไขประเด็น เหล่านี้ด้วยครับ คือ

1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
4.่สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร

 และยังมีอีกหลายคำถามที่ผม โดนเพื่อน ๆ ชาวกลุ่มปัญญาสวนกลับมา เมื่อไปชักชวนเขาสวดด้วยกันครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ช่วยแก้ข้อสงสัย นี้ด้วยนะครับ

 

 1.ให้ไปอ่านในประวัติ ของสมเด็จพระสังฆราชพระญาณสังวร หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน
    อักขระโดด ๆ นั้น ที่เป็นอักษรนำหน้า ล้วนแล้วมีที่ไปที่มา
     น โม พุ ธา ยะ
     สุ จิ ปุ ลิ
     พา มา นา อุ กัต สัจ นัน ทุค เอ
     อุ อา กะ สะ
     นะ มะ ภะ ทะ
     นา ทะ สุ เน มะ นา ทะ จะ มา วิ เว
     โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
 
     เป็นต้น
    อย่าคิดว่า มานอก พระไตรปิฏก เราเองยังไม่รู้ความหมายของอักขระ จากครูอาจารย์ พาลมาปฏิเสธก่อนจะเสียผลใหญ่ นะครับ

 2.ระหว่างที่สวด คาถา พญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหนจะดีกว่า ก็สวดทั้งสองอย่างลูกศิษย์ ตัวจริงเขาสวดทั้งสองอย่าง ครับ ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกัน ใช้คนละตอน คนละบท

 3.แล้วพวกพราหมณ์ ไม่ดีตรงไหน ครับ พวกพราหมณ์ สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลในศาสนา ก็มามากมายเริ่มตั้งแต่ ปัญญจวัคคีย์ ก็เป็นพราหมณ์ พวกแรก นะครับ
    สวดแล้วมุ่งให้ใจสงบ แบบ สมถ ก็ดีนะครับ สวดแล้ว ใจสว่างเป็น วิปัสสนา ก็ดีครับ มีแต่ดีทั้งนั้น

4.สวดแล้ว ดีขึ้นแน่นอน ผมสวดมาแล้วก็มีอะไร ดีขึ้นหลาย ๆ อย่างเป็นปัจจัตตัง เพราะถ้าพูดบอกไป ก็เหมือนโม้ ดังนั้นการพูดส่วนนี้อยู่ที่ผู้สวด แล้วสวดเป็นหรือไม่  สวดแล้วได้แน่นอน คุณคิดว่าสวดได้ง่าย ๆ หรือ ครับยิ่งสวด 108 จบมีเงื่อนไขด้วย กว่าจะได้ 84000 จบ รู้หรือไม่ ใช้เวลาเท่าไหร่ จิตเราจะเว้นว่างจากบาปอกุศลเท่านไหร่ หมู่มารที่มาคอยขัดขวางจะเข้ามาขวางกี่ครั้ง เราผู้สวด เท่านั้นที่จะรู้ครับ

5.สวดแล้ว ไม่กล้าทำชั่ว แน่ๆ ทำเลว ทำยากขึ้น ทำสิ่งที่เป็นอกุศล นั้นยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้ ถ้าท่านสวดกันจริง จะมีสิ่งเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแก่กาย และ จิตทันทีครับ สวด 4 วันก็รู้แล้วครับ

6.อยู่ในพุทธานุสสติ ครับ สั้น ๆ สำหรับคนที่ไม่อยากจะทำความเข้าใจก้เท่านี้ครับ

7.คนที่สวด ก็ได้บุญ คนที่สวด ตามก็ได้บุญ ส่วนคนที่ไม่เชื่อ และต่อต้านก็ตรงกันข้ามครับ

8.ละ กิเลสได้อย่างไร อยู่ที่ผู้สวดมีความปรารถนาอย่างไรในระหว่างสวด แต่สวดแล้วก็เสริมบารมีที่ไม่เต็มให้มีขึ้นไม่พร่องจากความดี แน่นอน

  สั้นๆ พอ นะครับ

 

[catwoman]

ตอบได้ใจความ ดีนะคะ คิดต่างกันได้คะ คนที่ไม่เคยสวด เพราะไม่รู้จักมาก่อน ก็อาจจะชอบสวด หรือไม่ชอบสวด ดิฉันก็สวด คาถาเงินล้าน ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อยู่คะ

 สวดก็ต้องศักดิ์สิทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเครื่องวัด อยู่ที่ศรัทธา

  จะว่างมงาย หรือ ไม่ ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะชอบสวด นี่คะ

 

[raponsan]

http://www.youtube.com/watch?v=eAM2-hg7xJs

อัปโหลดโดย nzx93116 เมื่อ 28 ก.พ. 2009

When You Believe - Mariah Carey Ft.Whitney Houston

Many nights we pray with no proof anyone could here
ทุกๆค่ำคืน เราสวดอ้วนวอน โดยไม่รู้เลยว่าจะมีใครได้ยิน

In our hearts a hopeful song. We barely understood.
ในใจของเรานั้นมีเสียงเพลงแห่งความหวังที่เราก็ไม่อาจเข้าใจ

Now we are not afraid. Although we know there’s much to fear
แต่ตอนนี้เราไม่มีความกลัวอีกต่อไปแม้จะรู้ว่าจะต้องเจอมันอีกมาก

We were moving mountains long before we know we could
เราได้กำจัดภูเขานั่นไป ก่อนที่เราจะรู้ตัวซะอีก

Chorus :

There can be miracles when you believe
เมื่อเธอศรัทธา จะบังเกิดปาฏิหาริย์

Though hope is frail. It’s hard to kill
แม้ความหวังจะเปราะบางนัก แต่ยากจะสูญสลาย

Who knows what miracles. You can achieve
ใครจะไปรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด เธอจะพบเจอมัน

When you believe somehow you will.
เมื่อเธอศรัทธาจริงใจ เธอจะได้พบเจอ

You will when you believe
เธอจะได้พบปาฏิหาริย์ เมื่อเธอเชื่อมั่นศรัทธา

 
In this time of fear
ในช่วงเวลาแห่งความกลัว

When prayer so often proves in vain,
เมื่อคำอ้อนวอนั้นดูเหมือนจะไร้ประโยชน์

Hope seems like the summer birds too swiftly flown away
ความหวังเป็นเหมือนนกในฤดูร้อนซึ่งบินจากไปอย่างรวดเร็ว

And now I’mstanding here
ในตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้

My heart so full.I can’t explain
หัวใจของฉันมันช่างเต็มตื้นอย่างอธิบายไม่ถูก

Seeking faith and speaking words
แสวงหาความเชื่อมั่น และเปล่งวาจา

I never thought I’d say
ที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้พูดออกไป

[Chorus]

They don’t always happen when you ask
มันไม่เกิดขึ้นตามที่เราร้องขอเสมอไป

And it’s easy to give in to your fear
แล้วมันก็ง่ายที่จะยอมแพ้ต่อความกลัว

But when you’re blinded by your pain
แต่เมื่อใดความเจ็บปวดทำให้เธอตาบอด

Can’t see your way safe through the rain
ไม่อาจเห็นหนทางท่ามกลางสายฝน

Thought of a still resilient voice
ขอจงคิดถึงเสียงที่หลุดพ้นซึ่งความเจ็บปวด 

Says love is very near
พูดว่า ความรักนั้นอยู่ใกล้เธอแค่ไหน

         เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง The Prince of Egypt นะคะ
         เป็นเรื่องในไบเบิล ตอนที่โมเสสได้รับบัญชาจากพระเจ้า ให้ไปช่วยพวกคนยิวให้พ้นจากการกดขี่ของฟาโรห์และใช้ไม้เท้าวิเศษ ทำให้น้ำในทะเลแดงแยกออกจากกัน เป็นทางให้พวกของโมเสส เดินข้ามไปยังดินแดนพันธะสัญญา

         เพลงนี้กล่าวถึงปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเรามีความศรัทธา มีความหวัง และอย่ายอมแพ้
         (ก็เชื่อในพระเจ้า ทำนองนั้น)
         PS.เชื่่ออย่างเดียวไม่พอนะ ต้องลงมือทำด้วยนะ


ขอบคุณข้อมูลจาก
แปลเพลง When you believe - Mariah Carey Ft. Whitney Houston
posted on 20 Oct 2009 14:13 by october-the-fifth
http://october-the-fifth.exteen.com/20091020/when-you-believe-mariah-carey-ft-whitney-houston

   
     ผมนำเพลงนี้มาให้ฟังกัน อยากให้เพื่อนๆลองใช้ head phone ฟังดู ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุก
     จุดประสงค์ที่โพสต์ อยู่ที่คำแปลของเพลงนี้ เหมาะกับกระทู้นี้อยู่พอสมควร
     โดยเฉพาะเรื่อง เรื่องการสวดและศรัทธา

     การสวดคาถาไก่เถื่อน ต้องมีศรัทธาครับ ถึงจะสัมฤทธิผล
     คนที่มากด้วยปัญญาจริต จะมีความสงสัยลังเล ก็ถือเป็นเรื่องปรกติ
     เมื่อก่อน ผมก็เป็นแบบนี้ ชอบใช้ปัญญานำ อะไรๆก็ไม่เชื่อเอาไว้ก่อน

     ปัจจุบัน ผมก็ยังชอบใช้ปัญญา แต่ที่เปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ได้ฝึกกรรมฐานมัชฌิมาฯ
     ก็คือ ผมมีสัทธาจริตมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน จากการที่ไม่เคยไหว้พระเลย ใครสอนอะไรก็ไม่สนใจ
     ทำตัวเหมือน น้ำที่เต็มแก้ว ไม่ยอมรับอะไรเลย
     ถึงตอนนี้เกือบจะเรียกได้ว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

     ตอนที่ผมมาขึ้นกรรมฐานมัชฌิมาฯ ผมมีจุดประสงค์แค่ "อยากลองเท่านั้น ไม่ได้สัทธาอะไรเลย"
     พระอาจารย์สอนอะไร ผมก็คอยแต่จะคิดว่า "ไม่มีในพระไตรปิฎกซะหน่อย"
     แต่ผมก็ไม่ขัด ลองทำตามไปเรื่อยๆ สุดท้ายสิ่งที่พระอาจารย์บอกและสอนนั้นก็เป็นจริง
     อารมณ์กรรมฐานที่ผมได้ เหมือนที่พระอาจารย์บอกและสอนไว้เป๊ะ

     สิ่งที่อยากจะบอกเพื่อนๆ ก็คือ ในบางสถานการณ์
     เราควรเก็บปัญญาจริตเอาไว้ และนำเอาสัทธาจริตขึ้นมาใช้ หรือให้สัทธานำปัญญาบ้าง
     

[SAWWALUK]

สวดดีกว่า ไม่สวด ไม่สวด ไม่ดีกว่า สวด แน่ ๆ  คะ

 

[raponsan]

สวด คาถา พญาไก่เถื่อน เป็นความงมงาย หรือ ไม่ ?

อยากให้ผู้รู้ ช่วยไขประเด็น เหล่านี้ด้วยครับ คือ

1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
4.่สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร

 และยังมีอีกหลายคำถามที่ผม โดนเพื่อน ๆ ชาวกลุ่มปัญญาสวนกลับมา เมื่อไปชักชวนเขาสวดด้วยกันครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ช่วยแก้ข้อสงสัย นี้ด้วยนะครับ

 

    ถาม 1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
    ตอบว่า ถ้าถามถึงการสวดคาถาไก่เถื่อน หรือคาถาแบบนี้ เท่าที่ทราบ ไม่มีครับ

    ถาม 2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
    ตอบว่า คาถาไก่เถื่อน เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์ การนำไปเทียบกับบทพุทธคุณนั้น
ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องสมควร การวิพากษ์วิจารณ์อาจเข้าข่ายปรามาส อีกอย่างการวัดนามธรรม(เช่น ความศักดิ์สิทธิ์) เป็นเรื่องที่เกินวิสัยของปุถุชนจะทำได้

    ถาม 3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
    ตอบว่า การสวดแบบพราหมณ์เป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ตรัสว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร และไม่อยากให้คิดว่า การสวดของพราหมณ์ไม่ดี พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยปรามาสลัทธิอื่น
    แม้ตอนแรกเราจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคาถานี้เลย แต่ถ้าเราสวดไปเรื่อยๆ เบื้องต้นเราจะได้สมาธิครับ
    ต้องลองปฏิบัติดูก่อนนะครับ อย่าคิดเอาเอง

    ถาม 4.สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    ตอบว่า ดีหรือไม่ดีอย่างไร ควรลองสวดดูก่อน ผลออกมาอย่างไร ก็ค่อยๆมาคุยกัน
    การสวดด้วยตัวเอง(ไม่ใช้ให้คนอื่นสวดแทน) เท่ากับใช้กายและใจของตนเองเป็นที่พึ่งอยู่แล้วครับ

    ถาม 5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
    ตอบว่า เรื่องวิบากกรรม เป็นอจินไตยครับ อย่าคิดให้มาก ดูอย่างองคุลีมารซิ ทำไมบรรลุธรรมได้
    กลไกของกรรมมันซับซ้อนเกินกว่าปุถุชนจะคาดเดาได้ มันจะส่งผลเมื่อไหร่ ยากที่จะทราบ
    คาถาจะช่วยคุณได้ ก็ต่อเมื่อคุณสวด..แล้วคุณจะได้คำตอบเองว่าช่วยคุณไ้ด้อย่างไร

    ถาม 6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
    ตอบว่า ลองสวดดูก่อนนะครับ แล้วคุณจะรู้เองว่า เป็นกรรมฐานได้อย่างไร
    คาถานี้ไม่มีในพระสูตรครับ

    ถาม 7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
    ตอบว่า ขอให้ไปอ่านกาลามสูตรให้เข้าใจให้ดี แล้วคุณจะรู้เอง

   ถาม 8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร
   ตอบว่า  ลองสวดดูก่อนสักระยะหนึ่ง แล้วคุณจะรู้เอง

   อยากให้ลองไปสวดดูก่อนนะครับ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
   

[indy]

สวด คาถา พญาไก่เถื่อน เป็นความงมงาย หรือ ไม่ ?

อยากให้ผู้รู้ ช่วยไขประเด็น เหล่านี้ด้วยครับ คือ

1.ที่มา ที่ไป เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ มีปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก หรือ ไม่
2.ระหว่างสวด คาถาพญาไก่เถื่อน กับ สวดบทพุทธคุณ อันไหน จะดีกว่า
3.การที่เราสวด แบบไม่รู้อะไร เลย แล้วสวดไปเรื่อย ๆ จะต่างอะไรกับพวกพราหมณ์ ที่ท่่องบ่นคาถา
4.่สวดแล้ว จะดีขึ้นได้อย่างไร อะไร ดีขึ้น ในเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
5.สวดแล้ว ถ้ายังทำชั่ว ทำเลว โกงกิน รับสินบน เป็นต้น คาถาจะช่วยอะไรได้
6.การสวดคาถา พญาไก่เถื่อนเป็น กรรมฐานได้อย่างไร อยู่ในพระสูตรไหน
7.คนที่สวด กับ ผู้ชักชวนให้สวด จัดไว้ว่าเป็นความงมงายหรือไม่ ?
8.คาถานี้ จะทำให้ผู้สวด ละ กิเลสได้อย่างไร

 และยังมีอีกหลายคำถามที่ผม โดนเพื่อน ๆ ชาวกลุ่มปัญญาสวนกลับมา เมื่อไปชักชวนเขาสวดด้วยกันครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ช่วยแก้ข้อสงสัย นี้ด้วยนะครับ

 

กระทู้นี้น่าสนใจมาก
แต่บางทีเราเองต้องดูกลุ่มที่จะเข้าไปคุยด้วย ผมเองก็โดนเหมือนกัน พยายามอยู่ได้สักสองปี
ก็ต้องยอมพวกเขา คนที่คิดว่าเป็นผู้มีปัญญา อาจจะไม่จริงก็ได้ พวกนี้ชอบอ่าน พรี่เซ็นต์เก่ง
ชอบพูดว่าของเขาสายตรง ของคนอื่นมันอ้อม
นอกเรื่องไปเยอะ เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกัน แล้วปล่อยเขาไปเถอะ
ผมเห็นมีเพื่อนสมาชิกสวดคาถาเงินล้าน ผมเองก็ภาวนาทุกวัน
เรื่องปฎิหารย์ก็เคยมี เงินเพิ่มมาเอง ตรงนี้ถ้าเล่าก็ไม่เชื่อ ต้องเห็นเอง
แล้วจะไม่ลังเลสงสัยเรื่องโลกธาตุว่ามีจริงมั้ย ก็เป็นประเด็นเดียวกับเราไปเล่าให้คนที่มีปัญญาฟัง ยังไงเขาก็ไม่เชื่อหรอก อย่าไปเล่าเพราะถ้าเขาปรามาสเราเขาก็บาป ใครไม่เชื่ออย่าเล่าเด็ดขาด เรานั่นแหละจิตตกเอง

[arlogo]

เจริญพร อันที่จริงที่อาตมาเชิญสวดร่วมกัน ก็เฉพาะท่านที่เป็นศิษย์ นะจ๊ะ
 เพราะผู้เป็นศิษย์ จะเข้าใจในส่วนนี้ดีอยู่แล้ว ที่นี้สำหรับบุคคลทั่วไป โดยส่วนตัวไม่มีความจำเป็นต้องตอบ
เพราะไม่ได้เชิญมาร่วมสวดด้วย ถ้าท่านอยากสวดด้วยก็เชิญสวด อย่าไปสงสัยเลย เรื่องที่ควรจะสงสัยมีมากกว่านี้ อีกนะจ๊ะ

   ส่วนเรื่องว่างมงาย หรือ ไม่ ? ท่านที่เป็นศิษย์จะทราบดี ส่วนท่านที่ไม่ได้เป็นศิษย์ สุดแท้แต่ท่านจะทำความเข้าใจ ซึ่งอาตมาไม่มีคววามจำเป็นต้องตอบให้สำหรับบุคคลทั่วไป นะจ๊ะ
   
   นะ โม พุท ธา ยะ สวดได้หรือไม่ ? เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระไตรปิฏก
   อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะั สวดได้หรือไม่ ? เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระไตรปิฏก
   เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว
   ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา
   สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา
   กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ
   สวดได้หรือไม่ ? เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระไตรปิฏก
   
   ทั้งหมดอยู่ที่ ศรัทธา และ ความเป็นศิษย์ ครูอาจารย์


   ไม่ตอบ ก็ไม่ใช่ จะไม่รู้ แต่จะไม่ตอบกับท่านที่ไม่ใช่ ศิษย์ นะจ๊ะ

   สรุป คือ ท่านอยากสวด ก็สวดเถิด ถ้าไม่อยากสวด ก็ไม่ต้องสวดนะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องเกิดความสงสัย
             สวดแล้วได้อะไร ถ้าท่านสวดก็จะรู้
             ถ้าไม่สวด ก็มีแต่ความสงสัย

   เจริญธรรม

   

   

[PRAMOTE(aaaa)]

การสวดบริกรรมวิตก ผู้ที่เป็นศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาที่ได้กรรมฐานสองส่วน เรียกว่าเข้าสู่กระบวนการสัมปยุตธาตุธรรม รวมปีติยุคคล เป็นจิตล้วนๆ เพื่อทิ้งกาย ฝ่ายศิษย์ บริกรรม จัดเป็นกรรมฐาน ตามลําดับ ได้ระลึกถึงพุทธคุณเพื่อสําเร็จ พุทธานุสสติ ได้อุคหนิมิต เข้าพระรัศมี เพื่อทิ้งกายเป็นจิตล้วน เพื่อทําความละเอียด คู่ต่อไป
              ฝ่ายไม่ใช่ศิษย์ ได้อานิสงค์ ตามพระคาถา ไม่เกี่ยวกับมรรคผล ข้างต้น
         แต่ก็คือได้เหมือนกัน แต่ได้น้อยหน่อย ตอบให้เข้าใจ เลิกสงสัยซะ
                 การวิพากวิจารย์ ถ้าธาตุยังมีกิเลส มีกรรมโดยความไม่ได้ตั้งใจได้นะจ๊ะ แล้วแต่ศรัทธา เชิญตามสบาย.

[mulinho]

อย่าปลงใจเชื่ออะไรโดยง่าย

[arlogo]

เนื่องด้วยมี email เข้ามาเชิง ตำหนิ ต่อว่า ด้วยเรื่องการชักชวนสวดคาถาพญาไก่เถื่อน เป็นเรื่องส่งเสริม ความงมงายให้กับคนทั่วไป ซึ่ง ข้อความตำหนิส่วนใหญ่จะกล่าวว่า ไม่กล่าวต้นสายปลายเหตุ ไม่ยอมชี้แจง และ ไม่อธิบายให้เกิดความเข้าใจ เป็นต้น ซึ่งมีจำนวนเข้ามา อย่างนี้พอสมควร

        จึงจะขอชี้แจง ให้ท่านทั้งหลาย ทราบนิดเดียวเท่านั้น เพราะยังต้องรักษา ธรรมเนียมส่วนนี้ไว้

      1.การสวดคาถาพญาไก่เถื่อน นั้น ชักชวนเฉพาะศิษย์มา่ร่วมสวดด้วยกัน ผู้ที่ถูกชักชวน ต้องปฏิบัติ อนุโลม ปฏิโลม ในห้องพระธรรมปีติ ได้ด้วย การสวดฝึกครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการเข้าห้อง พระยุคลธรรมหกประการ เพราะศิษย์ส่วนใหญ่ ได้เพียงพระลักษณะ ไม่ได้พระรัศมี ซึ่งมีความสำคัญมาก ( ตอบเท่านี้ สำหรับท่านที่มีความสนใจทั่วไป  )

      2.ส่วนท่านที่มิได้เป็นศิษย์ ไม่ได้ปฏิบัติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ และ เป็นผู้ที่มีความสนใจทั่วไป ก็ขอให้ท่าน ใช้ หลักกาลามสูตร ไปตามสบายของท่านเพื่อให้ ทิฏฐิ เป็น ทิฏฐิ ที่มุ่งตรงต่อพระนิพพานกันจริง นะจ๊ะ ส่่วนนี้ขอเจริญพรด้วย
     
       
      3. ส่วนกระทู้นี้ขออนุญาตปิด การตอบการโพสต์ เพิ่มเพื่อเป็นการ ยุติ การปรามาส ครูอาจารย์ ผู้เป็นต้นการเผยแผ่ คาถาพญาไก่เถื่อน เพราะมีความเสีี่ยงต่อการปรามาส สำหรับผู้เป็นศิษย์ และ บุคคลทั่วไป

    เจริญพร ทุกท่านรับทราบตามนี้

    ปิดกระทู้นี้