ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอบคำถามจากเมล "รู้สึกเวียนหัว ปวดหัว เมื่อภาวนาอยู่ที่ พระขุททกาปีติ"  (อ่าน 4767 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ตอบคำถามจากเมล

ปุจฉา
"รู้สึกเวียนหัว ปวดหัว เมื่อภาวนาอยู่ที่ พระขุททกาปีติ  บางครั้งรู้สึกคลื่นไส้ มาก ๆ ควรทำอย่างไรดี เพราะมาถึงตรงนี้รู้สึกท้อ เลยเห็นว่า กรรมฐาน ปฎิบัติยาก ภาวนาได้ยาก คงไม่มีวาสนากับกรรมฐาน ครับ"

วิสัชชนา

 พระขุททกาปีติ เป็นฐานจิตที่ 1 ในห้องพระธรรมปีติ จัดเป็นธาตุดิน เมื่อผู้ปฏิบัตภาวนา ก็จะมีลักษณะของปีติ เกิดขึ้น เช่น วิงเวียน น้ำตาไหล ขนลุก กายแข็ง หลังตึง เป็นต้น ( ยังมีอาการอีกมาก ) ซึ่งควรจะต้องเกิด ต้องมีเพราะเป็นพระลักษณะ ของธาตุนั้น ๆ ส่วนอาการวิงเวียน เท่าที่สังเกตจะมีกับคนที่สายตาสั้น ใส่แว่นตา และ บุคคลที่ผัสสะพิเศษ เท่าที่พบมากกว่า 80 ท่าน จะมีอาการเช่นนี้ ดังนั้นอย่าท้อถอย จะบอกวิธีแก้ให้

    เริ่มต้นให้ภาวนาในท่าเดิน คือ เดินกลับไปกลับมา สัก 10 นาที แล้วกลับมานั่งภาวนาต่อ สัก 20 นาที ทำสลับกันอย่างนี้ สักประมาณ 3 วัน รับรองว่า อาการที่เวียน มึนตึง กายแข็ง จักหายไปทันที เท่าที่ทดสอบสอนดูมาก็เป็นอย่างนี้จริง ๆ ดังนั้นอย่าไปคิดว่า เราไม่ม่วาสนา นับว่ามี วาสนา แล้ว ที่ธาตุได้ถูกฟอกให้ดีขึ้น แสดงร่างกายในส่วน ธาตุดินบกพร่องด้วย ดังนั้นการภาวนาส่วนนี้ นับว่าเป็นการฟอกธาตุ ฟอกขันธ์ ชำระกิเลสที่เกาะอยู่ในธาตุ  นั้น ๆ ให้หมดจด ดังนั้นช่วงที่ภาวนาอย่างนี้ จัดได้ว่าเป็นการรักษา บ่มฝี บ่มหนอง ล้างแผล ต้องมีอาการเจ็บปวดลงไปบ้าง ครั้นอาการระงับแล้ว ก็จะเห็นผลทางการปฏิบัติ ได้ดียิ่งขึ้น

   ที่สำคัญ การเดินจงกรม มีความสำคัญ ที่จะทำให้ธาตุ เริ่มต้นแข็งแรง เป็น การเพิ่มบารมี ทางตรง รวมทั้งพวกที่ชอบนั่งหลับสัปหงกด้วย ให้ไปเดินแล้วกลับมานั่งภาวนา

   ที่นี้การเดิน จะเดินอย่างไร ?

   ถ้าอาตมา ฝึกให้ก็จะสอนเดินจงกรม จตุรธาตุ แต่ ถ้าไม่ได้เรียนมาก่อน ก็ให้ ภาวนาพุทโธ แล้วเดินกลับไปกลับมา พยายามเวลาเดิน อย่าไปกำหนดเรื่องเดินแบบสติ มาก แต่การเดินนั้นเป็นสติ อยู่แล้วการสังเกตอาการลักษณะ ไม่ทำให้เกิดสมาธิเพราะเป็นสติ โดยตรง ดังนั้นถ้าต้องการให้เป็นสมาธิ สนับสนุนสมาธิ ก็กำหนดคำบริกรรม ส่วนเดียวก็คือ พุทโธ โดยการอาศัยสติ เป็นที่สนันสนุน สมาธิ ไม่ใช่เป็นการฝึก สติ ต้องแยกส่วนนี้ให้ได้ก่อน 

   เหมือนคนกินข้าว

      กิน ด้วยตัณหา ก็ต้องปรุงแต่งมาก
      กิน ด้วยการมีสติ ก็ระมัดระวังในการกิน
      กิน ด้วยปัญญา ก็กินด้วยรู้และพิจารณาในการกิน
     
  ดังนั้น ถ้าเรากิริยา เดียวกัน แต่จะให้เป็นอะไร ก็ขึ้นอยู่ที่ โยนิโสมนสิการ คือกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ไว้อย่างไร 

     เจริญธรรม / เจริญพร


    ;)
   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 04, 2012, 10:20:01 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนาสาธุ นับว่าเป็นธรรมเบา ๆ ประจำวันนี้ครับ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กำลังเป็นอาการนี้ อยู่เลยคะ หาอ่านตั้งนานคะ

ขอบคุณมากคะ ( คือ ไม่รู้จะถามอย่างไร กลัวโดนเพื่อน หัวเราะคะ )

  :25: :25: :25: :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?