ความปรารถนาของคนเรา ก็คือเกิดขึ้นมา แล้วมีความสุข ไม่มีใครมาเบียดเบียน หรือทำร้ายเราใช่หรือไม่ ครับ ดังนั้นทุกคนจึงตั้งตา ตั้งใจ รอความหวังที่จะไปอยู่เมืองศักดิ์สิทธิ์ นี้ที่เราได้อ่านและทราบในตำนานว่า ในยุคพระศรีอาริยเมตตรัย จะมีเมืองอย่างนั้น อายุคนจะยืนยาวมาก ๆ เป็น 10000 ปี
ดังนั้นเวลาใส่บาตรทำบุญ ตายาย มักจะสอนให้อธิษฐาน ไปเกิดในแดนพระศรีอาริยเมตตรัย
แต่หนทางที่จะไปสู่แดนพระอาริยเมตตรัยนั้น สำหรับผมนั้นเป็นจินตนาการไปเสียแล้ว เพราะถ้าเทียบอายุขัยของเราซึ่งมีสัก 60 - 100 ปี โดยประมาณ นี้ไม่มีทางที่จะได้เห็นแดนนี้ หรือจะตั้งความหวังให้ได้เจอหลังจากตาย ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร คิดว่าเป็นไปได้โดยยาก
หากพอได้ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว พระองค์ทรงชี้แนะให้เราเดินทางสายกลาง เพื่อการไม่ต้องไปเกิดในที่ไหน อีก ( เหมือนดับสูญ )ไปจากโลกนี้แล้ว อย่างนี้พอใคร่ครวญดูจึงพอจะเห็นแนวทางว่าน่าจะเป็นไปได้มากกว่ว ดังนั้นผมจึงให้ความสนใจกับเรื่อง นิพพานในเวลานี้ มาก ๆ
แต่ถึงแม้จะสนใจ มาก เพียงใด นิพพาน นี้กลับต้องละ กิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ ลงจึงจะนิพพานได้ ดังนั้นต้องขจัดความอยาก ความปรารถนาลง อีก จึงทำให้รู้สึกว่า เคว้งคว้างเหมือนไม่มีเป้าหมาย เพราะเดิมทีเป้าหมาย คือ นิพพาน แต่พอเอาความอยากออก กับรู้สึกเว้ิงว้างว่างเปล่า ไปเสียนี่
ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ ท่านใด มีความรู้สึกเช่นนี้ บ้าง ช่วยเล่าประสบการณ์การผ่านช่วงนี้ให้หน่อยได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณมากครับ
