« เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 11:07:34 am »
0
โทรศัพท์มือถือและไว-ไฟฟรี..ทำให้คนกรุงฯส่วนใหญ่มีความสุข
แอลจีทำโพลล์สำรวจความสุขคนกรุงเทพฯ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ บอกว่าโทรศัพท์มือถือช่วยทำให้ชีวิตมีความสุข รองลงมาคือโทรทัศน์ โน้ตบุ้กและแท็บเล็ต รวมถึงบริการไว-ไฟ ที่ฟรีและแรงทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ
วันนี้ (4 ม.ค.) บริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แถลงผลสำรวจไลฟ์ กู๊ด โพลล์(Life’s Good Poll) ซึ่งแอลจีได้ทำแบบสอบถามเพื่อสำรวจความสุขของคนกรุงเทพฯ ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
เพื่อสำรวจความสุขในทัศนคติต่อแนวคิดไลฟ์กู๊ดหรือชีวิตที่ดี ทัศคติต่อความสุขของตนเองและสังคม
และอิทธิพลของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งผลต่อชีวิตแบบไลฟ์กู๊ด
โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,037 คน อายุระหว่าง 20-45 ปี
ในเขตธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ระหว่างเดือนตุลาคมพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ผลสำรวจที่ได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นภาครัฐและเอกชนสามารถนำไปต่อยอดได้ จะได้รู้ว่า อะไรทำให้คนกรุงเทพฯมีความสุข และความสุขของคนกรุงเทพ อยู่ตรงไหน จะได้เข้าถึงความต้องการของคนกรุงเทพฯ จริงๆ
ด้านน.ส.ศุภรางคุ์ อนุชปรีดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร กล่าวว่า
ผลการสำรวจความสุขของคนกรุงเทพฯ หรือไลฟ์ กู๊ด โพลล์ พบว่า
ด้านทัศนคติของคนกรุงเทพฯ ที่มีต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรม พบว่า
คนกรุงเทพฯ ยกให้โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มให้ชีวิตมีความสุขมากที่สุดถึงร้อยละ 32
รองลงมาเป็นโทรทัศน์และโน้ตบุ้ก ร้อยละ 24 และ 19
และเทคโนโลยีที่จะทำให้มีความสุขมากขึ้นคือ สัญญาณไว-ไฟ หรือบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย ที่ให้บริการฟรีและแรงครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าและนวัตกรรมใหม่ จะช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นถึงร้อยละ 35
ส่วนเทรนด์หรือแนวโน้มของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คนกรุงเทพฯต้องการคือ ราคาที่เหมาะสม คุณภาพดี และใช้งานง่าย
ส่วนการสำรวจทัศนคติด้านความสุขของตนเองและสังคม คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 32 เชื่อว่า
ปัญหาด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพเป็นปัญหาสังคมที่ส่งผลต่อชีวิตและความสุข
และอีกร้อยละ 16 คือปัญหาด้านการเมือง คอร์รัปชั่น และความสามัคคีภายในชาติ
ความสุขของคนกรุงเทพฯในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.37
โดยคนที่คิดว่าตัวเองมีความสุขมากถึงมากที่สุดทีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น
แต่มีความสุขปานกลางถึงร้อยละ 54
แต่เมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่าอายุระหว่าง 20-25 ปีมีความสุขน้อยที่สุด
โดยให้เหตุผลว่า จะมีความสุขมากหากได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและใช้ชีวิตตามที่ต้องการ และให้ความสำคัญต่อเพื่อนร่วมงานที่ดีมากกว่าความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน.ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/176216