ชื่อนั้น สำคัญ ไฉน ?
มีคนถามพระอาจารย์ หลายครั้ง ว่า ชื่อพระอาจารย์ อย่างกับผู้หญิง พระอาจารย์ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อ แบบคนอื่น บ้างหรือ ส่วนตัว ก็ขอตอบว่า เมื่อก่อนเคยคิดที่จะเปลี่ยนอยู่ แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร ก็ไม่ทราบ รู้สึกว่า ถ้าเราเปลี่ยนชื่อ ที่พ่อแม่ ตั้งให้ รู้สึกว่า เราไม่เคารพพ่อแม่ ในเมื่อ พ่อแม่ กำหนดชื่อนี้ให้เรา ๆ ก็ควรพอใจ ด้วยชื่อนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ? จะมีความรู้สึก แปลก ๆ อย่างเพื่อน ๆ ล้อ ก็ช่างเขาเหอะ ฉันก็พอใจ กับ ชื่อ ที่พ่อแม่ ตั้งให้
สนธยา เป็นชื่อ ของฉัน เมื่ออยู่ในสภาวะ ที่ฉันรู้ ความจริง ฉันถึงกับต้องร้องไห้ หลั่งน้ำตา อยู่เป็นเวลานาน เพราะชื่อนี้ สำหรับ แม่ฉัน ตั้งไว้ ระลึก ถึงพ่อ คือ นายสน แต่สิ่งที่ฉันระลึกได้ นั้นไม่ใช่เหตุนี้ แต่ชื่อนี้ กับเกิดจากความปรารถนา ของฉันเอง ที่ต้องการให้เป็นอย่างนี้
สนธยา แปลว่า ยามเย็น อัสดง พระอาทิตย์ตกแล้ว กำลังหมดความสว่าง จวนเจียน นั่นคือความปรารถนา ส่วนหนึ่ง ที่อยากเตือนตนเองอีกสักครั้งว่า อย่าได้ประมาท คิดว่า เวลามันยังเหลือ อยู่ พอจะมาสำนึกคิดว่าต้องทำมันก็สายไป แล้ว อายุ 121 ปี มันสายไปแล้ว ไม่ทันการที่จะใช้ สังขารที่ร่วงโรย ทำกิจที่จำเป็นของจิตได้ ตอนที่ฉันรู้ความจริงอย่างนี้ ฉันหลั่งตาอยู่นานมาก และนั่นก็เป็นการตัดสินใจ ที่ออกไปวิเวกส่วนหนึ่ง อย่าลังเล .. ถ้าคิดจะทำ ก็ควรจะทำ กิจที่สำคัญที่สุด ก็คือ กิจแห่งพรมหจรรย์ ไม่มีกิจอื่นยิ่งกว่า
การละยศ การละสรรเสริญ เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อกิจแห่งพรหมจรรย์ เมื่อก่อนเรามีคติว่า เรามีความสำคัญต่อโลก ต่อสังคม ต่อชุมชน ต่อใคร ๆ แต่เมื่อความจริงปรากฏ เรากับรู้ว่า การเป็นอยู่เรา มีตัวตนของเรา ไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นเพียงดั่งความว่างเปล่า ไม่มีตัว ไม่มีตน ว่างจากเรา ว่างจากของเรา โลกไม่มีเราก็ได้ สังคมไม่มีเราก็ได้ ชุมชนไม่มีเราก็ได้ ใครต่อใคร ๆ ไม่มีเราก็ได้ เมื่อรู้ความจริง ในกิจเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือ กิจแห่งพรหมจรรย์ อันเป็นกิจอื่น ที่ยิ่งกว่า กิจไหน ๆ นั่นเอง
กิจนี้ไม่จำเป็นต้องมีใคร มีเพียงแต่เรา เท่านั้นที่รู้ และเราเท่านั้นที่ทำ เพราะว่า มันว่างจากเราในโลก ในสังคม ในชุมชน ในหมู่คณะ ในใครต่อใคร
ขอบคุณที่คำอธิษฐาน ก่อนจิตดับ มีจริง การละการเกิด การดับ มีจริง การเวียนว่ายตายเกิด มีจริง ฉันจึงไปสู่ความจริง ที่ฉันต้องการ
