ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนถาม เรื่อง การขัดแย้ง ของครูอาจารย์ กรรมฐาน มีจริงหรือ ครับ ?  (อ่าน 8063 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1
เรียนถาม เรื่อง การขัดแย้ง ของครูอาจารย์ กรรมฐาน มีจริงหรือ ครับ ?
ไม่ทราบมีหลักฐาน ใด ๆ หรือ ไม่ ครับ .....


  :smiley_confused1: thk56
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

"นับว่าเป็นคำถาม ที่ชวนให้ สำนักอื่น ๆ จะมาเข้ามา ตีฉัน นะ ถ้าฉันตอบ ออกไปตามความจริง"
ข้อความส่วนตัวจากพระอาจารย์



ไม่ทราบว่า พระอาจารย์ จะพอเปิดเผย Sample ได้หรือไม่ ครับ


    :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 02:29:11 pm โดย ISSARAPAP »
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไม่มีหรอก เรื่องความขัดแย้ง ในระดับ ครูอาจารย์ เพราะว่า ครูอาจารย์ ท่านเจริญแล้ว เข้ากันได้หมด ทุกสำนัก นั่นแหละ คะ  :coffee2:
บันทึกการเข้า

waterman

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 302
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

wiriya

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ มดตะนอย พูดถูกเสมอ  :happybirthday3:
บันทึกการเข้า
รักครอบครัว ห่วงลูกหลาน ต้องช่วยต้าน ภัยยาเสพติด
รักตนเอง หนีสงสาร ต้องภาวนาให้ มาก ๆๆๆๆๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ไม่มีหรอก เรื่องความขัดแย้ง ในระดับ ครูอาจารย์ เพราะว่า ครูอาจารย์ ท่านเจริญแล้ว เข้ากันได้หมด ทุกสำนัก นั่นแหละ คะ 

ครูอาจารย์ท่านเข้ากันได้ แต่ศิษย์นั้นเขลา วุ่นวายอ้างครูอาจารย์แยกขั้วค่ายอวดดี น่าเศร้า! ครับ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 08:05:11 pm โดย ธุลีธวัช (chai173) »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

wiriya

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แต่ผมว่า มี นะ ในสายกรรมฐาน อื่น ๆ ที่คอยโจมตี ว่าของคนอื่น ผิด ๆ ๆๆๆ อยู่เรือ่ย ๆ ผมเชื่อนะว่า มี
บันทึกการเข้า
รักครอบครัว ห่วงลูกหลาน ต้องช่วยต้าน ภัยยาเสพติด
รักตนเอง หนีสงสาร ต้องภาวนาให้ มาก ๆๆๆๆๆ

sanwhan

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ได้ยินจาก คุณ มดตะนอย เอง ก็คิดว่า คงจะไม่มี เนอะ
   :58: thk56 like1
บันทึกการเข้า

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การขัดแย้ง มีจริงหรือ คะ สำหรับ พระผู้เป็นเนื้อนาบุญ
ดู เหตุการณ์บ้านเมือง ก็เหมือน พระสงฆ์ รักกันดี ไม่ใช่หรือ คะ ?

 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การเผยแผ่กรรมฐาน ที่เที่ยวขัดแย้ง คนอื่น ที่หนัก คือ สาย ยุบหนอ พองหนอ เพราะสายนี้จะมองกรรมฐาน สายอื่น ๆ เป็น กรรมฐานที่ไม่สามารถไปหามรรคผล มีเพียงแต่ ยุบหนอ พองหนอ ( ที่เขาเข้าใจว่าเป็นมหาสติปัฏฐาน กรรมฐานเดียว กรรมฐานแนวคิดเป็นแบบพม่า ไม่ใช่สายดั้งเดิม ของมหาสติปัฏฐาน ตำหรับ ตำรา ก็ทำออกมา และนำเข้ามาจากสายพม่า ซึ่งคนไทยลืมดูความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ สายพม่า ไป ว่า เทียบกับประเทศไทยแล้ว พระสงฆ์ไทย ทรงจริยวัตรได้ดีกว่า พม่า )
 
 ในนี้มีการพูด ทับถม สำนักอื่น ๆ ไปในตัว และเป็นเหตุให้ศิษย์สายนี้ มองสายอื่นในแง่ลบ ด้วย สิ่งที่ท่านพูดเหมา นั้นไม่ได้พูดกับผู้เรียนจริง อธิบายถูกต้องจริง เหมาเอาไปเองว่า เป็นอย่างนั้น จากความเข้าใจของท่าน

 จากอันนี้ เป็นเสียงของเจ้าคุณโขดก พูดถึง วิชาต่าง ๆ และการได้ ดวงปฐมมรรค จากความเข้าใจของท่านที่มอง สำนักอื่น ๆ โดยที่ท่านไม่ได้เข้าไปศึกษา ของคนอื่น มีแต่ให้คนอื่นเข้ามาศึกษาของตนเอง ในขณะที่ตนเอง ไปศึกษามาจาก พม่า
 
    การที่เหมา 1 คนที่อธิบาย แต่ไม่ได้ดูว่า อีกเป็นแสนไม่ได้ มา หาท่าน
 
    การเยียดธรรม ในสาย ยุบ หนอ พอง หนอ มีมากที่สุด จากประสบการณ์ เนื่องจากสายนี้ มีการใช้อำนาจของคณะสงฆ์ ในการฝึกสอนพระสงฆ์ คือ เป็นหลักสูตรบังคับจากส่วนกลาง ทำให้พระสงฆ์ในปัจจุบขัน ต้องปฏิบัติตามแบบอย่าง สายนี้

     ฉีนเองก็เคยฝึก แบบนี้ 2 - 3 ปี เช่นกัน เพราะโดนบังคับ แต่ เมื่อปฏิบัติไปจริง ๆ แล้ว จึงรู้ว่าไม่ใช่ เพราะบางครั้งปัญญามากไป จึงทำให้เข้า เรื่อง รูป เรื่อง นาม ผิด

     รูป นาม ในสายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่ใช่แบบที่เจ้าคุณโชดก พูด และ ไม่ใช่ กายและใจ อย่างหลายสำนักพูด การเห็นกายและใจ หรือ รูปนาม ที่เป็นกายใจ นั้น ไม่ใช่รูป นาม ตัวจริง

    ส่วนตัวก็เคารพท่านเจ้าคุณโชดก นะ เพราะว่า ตำราวิปัสสนาเล่มแรกที่จับ คือ วิัสสนาญาณโสภณ มันเป็นตำราที่ถึงมือสามเณร น้อย ๆ ขณะนั้น

     นี่เป็นตัวอย่าง น้ำจิ้ม ให้กับท่านทั้งหลาย ยังมีหนักกว่า นี้ อีกมาก
     ดังนั้น ชาวพุทธในปัจจุบันนั้น มันก็ทะเลาะกันอยู่่ด้วยเรื่องเหล่านี้ เหมือนกัน ถ้ายอมรับความจริงได้ จะเห็นความจริงอีกมากมาย ที่มันเละเทะ ในการเผยแผ่ของพระสงฆ์ในปัจจุบัน เพราะฉันผ่านศึก มาทุกสาย สนทนาธรรม มากับทุกสาย และใช้ ความสามารถแสดงกันอยู่เป็นบางสาย

     แม่แต่ สายฉันเอง ทุกวันนี้ ก็ยัง ไม่ยอมกันเลย ..... ไม่ต้องเอาสายอื่น ๆ
 ??? ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2015, 01:12:30 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สิ่งที่ต้องทำความรู้ในกองกรรมฐาน คือ

    1. ความเข้าใจ
    2. การมองเห็น ในสิ่งที่เข้าใจ ( ไม่ใช่ เข้าใจ ใน สิ่งที่เข้าใจ )
       การมองเห็นสำคัญมาก เรียกว่า ธรรมจักษุ
 
   หลายสำนักตีค่าคำของพุทธเจ้า ต่ำไปมาก คือ ตีว่า ธรรมจักษุ คือ ความเข้าใจในธรรม นี่คือเรื่องผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่มาก

   เพราะ ธรรมจักษุ ไม่ใช่ความเข้าใจ อย่างเดียว แต่มันเป็นการมองเห็น อย่างนั้น ด้วย

   ยกตัวอย่าง 
     อุปติสสะ ปริพาชก ฟัง พระ พระอัสสชิ พูด สั้น ๆ ว่า

      ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคต ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น ธรรมเหล่านั้น ดับไป ก็เพราะเหตุดับ พระมหาสมณะ มีปกติตรัสเช่นนั้น

     ในประโยคทั้งหมดนี้ อุปติสสะ สำเร็จ เป็นพระโสดาบัน ได้ ธรรมจักษุ

     แต่พวกเราอ่านไป กี่ไปครั้ง อ่านไปกี่รอบ ทำไมไม่ได้ ธรรมจักษุ ทุกคนก็จะพูดขึ้นว่า วาสนา บารมี ปัญญาน้อย ใช่หรือไม่ นั่นเป็นเพราะว่า ทุกคน พยายามที่ทำความเข้าใจ ในความเข้าใจ แต่ไม่ได้ ใช้การมองเห็นจริง ตาม สิ่งที่ปรากฏ นั่นเอง

     ดังนั้นในสภาวะนั้น มี 3 อย่าง
     1. ความเข้าใจ
     2. ความเห็นถก
    3.  การเห็นตามความเป็นจริง


    ที่นี้ 3 อย่างนี้ มันอาศัยธรรมต่างกัน
    1. ความเข้าใจ อาศัย ความปรารถนา เพื่อจะพ้น จากสิ่งที่เรียกว่า วัฏฏะสงสาร
    2. ความเห็นถูก อาศัย ความเข้าใจ ที่เข้าไปน้อม อริยะสัจจะ 4 เข้ามาตั้ง ไว้ อย่างแยบคาย

     ท้้งหมดนี้ เรียกว่า ความรู้ ไม่ใช่ ปัญญา
   3. การมองเห็นตามความเป็นจริง อาศัย สมาธิ ระดับอุปจาระสมาธิ ขึ้นไป ตามภูมิธรรม บารมี ที่บำเพ็ญมา แต่ละท่าน แต่ละบุคคลต่างกันไป เมื่อจิตเป็นสมาธิ ก็น้อมความเข้าใจ และ ความเห็นถูก เข้ามารวมกัน

     ในขณะที่ 3 อย่างนี้รวมกัน เรียกว่า ทัศนาญาณ ทัศนะวิสุทธิ  ที่เหลือก็คือ ดำเนินตามมรรค
     ถึงแม้จะกล่าวรายละเอียดไปมากปลีกย่อยเยอะแต่ความเป็นจริง ผู้บรรลุฉับพลัน ก็ผ่านกระบวนการเช่นนี้เหมือนกัน

     ดี ปนอยู่ ในความดี ไม่ดี ก็ยังี ดี อยู่ เพราะ ดี และ ไม่ดี เป็นเหต ปัจจัย ต่อกันและกัน

    เจริญพร
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

   ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

st12 st12 st12


ผมกราบขออนุญาตพระอาจารย์สนทยา ธัมมวังโส, พระอาจารย์ทุกๆท่าน, รวมถึุงคณะศิษย์และท่านผู้รู้ทุกท่าน ผมใคร่ขออนุญาตกล่าวเพิ่มเติมเรื่องนี้พอประมาณดังนี้ครับ

พระอริยะสงฆ์ท่านไม่แยกสาย ท่านจะกล่าวแค่ว่าทุกสายเป็นทางพ้นทุกข์ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ทั้งสิ้น แต่ทางไหนถูกจริตตนกว่าก็ไปง่ายถึงไวเท่านั้น
ส่วนผู้ที่ยังไม่ถึงเป็นเพียงปุถุชนอยู่ย่อมพร่ำเพ้อพรรณาหลงสิ่งที่ตนทำ ตนได้ ตนมีอยู่ทั้งสิ้น หาประโยชน์ไม่ได้

- ส่วนผมเองก็บวชพระปฏิบัติทางสายพระพุฒาจารย์อาจสายพม่า คือ ยุบ-พอง มาบ้างก็หลายปีประมาณช่วงวันเข้าพรรษาปี 45 หรือ 46 ถึง ปี 49 ท่านพระครูอุปัชฌาย์ผม "พระครูสุจินต์ธรรมวิมล" ท่านก็ไม่ได้จำกัดสายใดๆทั้งสิ้น จะยืน เดิน นั่ง นอน จะพุทโธ จะยุบพอง จะธาตุกรรมฐานท่านก็สอนให้หมด ท่านแค่ให้มีสติเอาอันไหนที่ตนตั้งสติจดจ่ออยู่ได้นาน ท่านเห็นผมเป็นศิษย์พระป่าท่านก็สอนแบบพระป่าให้ ท่านไม่ปิดกั้นสายใดๆทั้งสิ้น ทุกๆกรรมฐานท่านศึกษาปฏิบัติหมดขอแค่เป็นทางพ้นทุกข์ โดยตัวท่านเองท่านมักจะมีร่างทรงมาทำบุญขอบารมีท่าน สมัยผมบวชอยู่กับท่าน ทางบ้านนอกที่ผมอยู่เขาเรียกว่าเข้ากรรม คือไม่ฉัน ดื่มแต่น้ำ ไม่นอน อย่างต่ำก็ 6-9 วันต่อเดือนเป็นประจำ ตอนกลางคืนผมจำทำสมาธิก่อนจำวัดพอทำเสร็จก็จะออกมาหน้ากุฏิ ถ้าผมไมา่เข้าใจผิดหรือจำไม่ผิดมักจะเห็นท่านยืนสนทนากับใครอยู่ก็ไม่รู้ตอนแรกก็เข้าใจว่าท่านพูดคนเดียวหรือบริกรรมธรรมเพราะไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยทุกๆคืนเวลาประมาณ 23.00 น. - 02.00 น. โดยประมาณ จะเห็นท่านยืนคุยสนทนาอย่างนั้น มารู้ภายหลังว่าท่านโปรดเทวดาที่เข้าไปขอพระธรรมเครื่องกุศลของพระพุทธเจ้าอยู่ (ปกติก็ฉันวันละมื้อ ตื่นตี 3 ครึ่ง สวดมนต์ทำวัตรเช้าแปลนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ต่ำกว่า 1-2 ชั่วโมงจึงได้นั่งพับเพียบสวดมนต์ ประมาณ 7 โมงบิณฑบาตร ได้แต่ข้าวสาร แทบไม่ได้อะไรฉันเลย ถ้าไม่มีญาตโยมมาทำบุญ บางมื้อก็ไม่ได้ฉัน เว้นมีญาติโยมมาทำกับข้าวให้ หรือ ช่วงเวลานั้นมีเณรบวชอยู่ทำกับข้าวหุงข้าวให้พระฉันได้ 8 โมงกรรมฐาน 9 โมงฉันข้าวมื้อเดียว ฉันเสร็จช่วงสายๆเวลาเพลก็แล้วแต่ใครจะกรรมฐานแต่ส่วนมากจะกวาดตราด ดูแลทำความสะอาดวัด 16.00 น. ทำวัตรเย็นถึง เกือบ 2 ทุ่มบ้าง 3 ทุ่มบ้าง เวลาแผ่เมตตาก็แผ่ไปแบบอัปมัญญา )

- ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้มีเจตนาโต้แย้งเรื่อง พระอาจารย์โชดก แต่ให้เห็นว่า แม้จะสายใดๆก็ตามแต่ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เรียกว่า "ผู้รู้ราตรี" ก็มีอยู่ทุกสาย แต่อยู่ที่ใครที่จะเข้าถึงได้หรือไม่และนำธรรมไปเผยแพร่ด้วยความลุ่มหลงของตนแค่นั้นเอง หรือ เพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริงก็เท่านั้น ไม่มีสายไหนที่ไม่ดีทั้งสิ้น ทุกสายล้วนเป็นกรรมฐาน อุบายต่างๆเพื่อดำเนินไปในกุศล คือ ๔๐ กรรมฐาน และ สติปัฏฐาน ๔

- แม้ท่านครูอุปัชฌาย์สายพระป่าของผมเองท่าน ก็ไม่จำแนกเลยว่ากรรมฐานสายทางไหนดีกว่ากัน หรือ ทางตนดีกว่าใคร แต่ท่านพูดสอนแค่ว่า สิ่งใดที่ทำแล้วมีสติกำกับรู้อยู่ รู้ทันกายใจตน ไม่ลุ่มหลงปิดกั้นให้ระลึกไม่ได้ ไม่หลงนิมิต เอาธรรมหรือนิมิตเหล่าใดที่ตนสามารถจะรู้เห็นได้ ให้เป็นไปในทางมรรคพิจารณาเพื่อละอกุศลถึงทางพ้นทุกข์ไปสู่ผล ทำให้กุศลเกิดขึ้น-อกุศลดับไป เพราะกุศลเป็นความฉลาดในการปล่อยวาง อันเป็นทางแห่งสัมมา คือ ทางพ้นทุกข์โดยชอบธรรม เมื่อเป็นดังนี้อุบายใดทางปฏิบัติใดๆเหล่านั้นๆก็ใช้ได้ แต่ท่านกำกับไว้อย่างหนึ่งเท่านั้นว่า "อย่าทิ้งศีล ทาน ภาวนา อินทรีย์ ๕ อย่าทิ้งพุทโธ โดยความหมายที่รวมถึงว่า อย่าทิ้งลมหายใจ" หรือ แนะนำสั่งสอนเพิ่มเติมในทางที่ท่านเข้าถึง เห็นได้ รู้ได้ รู้แจ้งแทงตลอดดีแล้ว

ทีนี้ไม่ว่าท่านจะเป็นพระอริยะสงฆ์หรือไม่ผมไม่รู้ เพราะครูอุปัชฌาย์ผมท่านไม่เคยพูดว่าตนเป็น  แต่ผมรู้ว่าท่านเป้นผู้ประเสริฐควรแก่การกราบไหว้ เป็นผู้รู้ราตรี ท่านแค่บอกมีสติ ศรัทธา ศึกษาเพียรปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน

ผมเชื่อว่าพระอริยะผู้ถึงพร้อมแล้วท่านสอนอยู่อย่างนี้คือ ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่หลงว่าตนดีกว่า ไม่ดูถูกใครว่าต่ำกว่า มีความเอื้อเห็นพ้องตรงกันไม่ขัดแย้งซึ่งความพ้นทุกข์โดยชอบ แต่อาจจะมีแนวทางจาเจริญต่างๆกันไปตามแต่จริตของท่านเหมือนพระเอตทัคคะแต่ละท่านจะไม่เถียงกันเลยทั้งๆที่ปฏิบัติมาคนละอย่างกัน มีทางเข้าถึงที่ต่างๆกัน แต่ก็ไม่เกินเลยทางที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนทั้งสิ้น ศรัทธาพระรัตนตรัยด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนผู้ใดเห็นอัตตาธรรมผู้นั้นแม้จะเก่งแค่ไหนก็ตามรู้เยอะก็ตามแต่ก็ยังแค่สันดานของปุถุชนที่ยังยึดมั่นถือมั่นตัวตนอยู่เท่านั้น

ย้ำนะครับว่าผมไม่ได้พาดพิงกล่าวติเตียนใครนะครับ
แต่กล่าวให้รู้ว่ามีทั้งดีและไม่ดีในทุกที่ทุกชุมชน
หากไม่เกิดประโยชน์หรือแง่คิดเหล่าใดก็ขออภัยด้วยครับ

ขอบพระคุณครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2015, 01:02:47 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ก็ดี ในการแสดงความเห็น นะ
ที่ฉันนำมาโพสต์ มันคือหลักฐาน ของ สายนี้เป็นส่วนใหญ่ และมีอยู่มากด้วย ใครจะรับได้ หรือไม่ได้ ก็ตามใจ ทุกวันที่ฉันเผยแผ่ธรรม ฉันก็ต้องนั่งทะเลาะ กับ พระสงฆ์เหล่านี้ด้วย รวมถึงบรรดาศิษย์สายนี้ด้วย ถึงแม้แต่บางครั้งไปเยี่ยมกันถึงวัด ก็ยังไม่ได้การต้อนรับ บางทีบางแห่งให้พัก เช้ามาจัดอาหารบูดให้ฉัน และห้ามฉันบิณฑบาตรก็มี ฉันเองที่ผ่านไม่เคยตำหนิ แต่ที่นำมาแสดงในที่นี้ เพื่อให้ สมาชิกรู้ว่า
  ( นอกจากถวายอาหารบูด เน่าแล้ว ยังใส่ สลอดในน้ำให้ดื่มอีก เคยท้องร่วงรุนแรงมาแล้ว ที่สำนักนั้น บรรดาพระสงฆ์ชีเณร ล้วนแต่ยืนหัวร่อ ว่าอาจารย์กรรมฐาน ท้องร่วงนอนป่วย น่ี่คือเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่อยากเอาชื่อวัดนั้น มาแฉ เพราะฉันให้อภัย )

  ( อันนี้ยังไม่นับ บรรดาสรรพวิชา คุณไสย ที่ส่งตรงมาให้อีกด้วยนะ )

   ความเป็นจริง คนนับถือ พุทธศาสนา นั้น มีหลายแบบ และ การทะเลาะวิวาททางธรรม ก็มีอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่เพียง โต้วาที บางครั้ง บางที ก็ถูกทำร้าย ก็มี

   ฉันไปอุบลราชธานี ไปเยี่ยมพระในสายวัดป่า กว่าจะไปถึงวัด เดินเท้า เป็น 25 กม.พร้อมกลดบาตร พอไปถึงวัดนี้ ก็ไล่ฉันออกจากวัด บอกว่าให้พักไม่ได้ ไม่ต้อนรับเพราะว่าฉันเป็นพระมหานิกาย

     ( ทุกวันนี้ฉันยังไม่เคยนำชื่อวัด ตัวพระชื่อนั้นองค์นั้นเหล่านั้นมาประจาน นะ เพราะว่า ฉันก็รักพระพุทธศาสนา เช่นกัน )

   มันเพราะอะไร ?

  ก็เพราะว่าทุกวันนี้ ชาวพุทธ มันมีหลายแบบ ที่ปฏิบัติจริง ๆ ตามธรรมก็อนุโมทนา แต่มีน้อยมาก หรือ อาจจะต้องงมเเข็มหากันเลย

    ส่วนที่นำมาเสนอ เป็นหลักฐาน เพียงเล็กน้อย ยังมีมากกว่า นี้อีก แม้ที่ฉันอัดเสียงไว้เอง เวลาไปเยี่ยม ตามสำนักต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง

     ขอบใจที่มาวิจารณ์ แต่กระทู้นี้ ถูกตั้งขึนมาเพื่อให้ พุทธศาสนิกชนที่ใฝ่การปฏิบัติ ตาสว่าง อย่ามัวแต่คิดว่า พุทธทั้งหมด ครูทั้งหมด เป็นที่สุด แต่ขอให้เรียนธรรม ตามสมควร อย่าได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เวลาภาวนาปฏิบัติ จงเรียนธรรม และน้อมธรรมไปปฏิบัติ

     จะไปจัดการให้เสมอภาคกัน นั้น มันเป็นไปไม่ได้ อย่าเอาจิตแบกเรื่องสำนักนั้น สำนักนี้ ครูนั้น ครูนี้ จงเอาจิต มาใส่ใจในการภาวนา ตามหลักธรรมให้มากขึ้น

      เพราะการทะเลาะเบาะแว้ง ของสงฆ์ที่ไม่ใช่ อริยะบุคคล มันยังต้องมีอยู่ต่อไป

   
    เจริญพร อย่าใส่ใจ เรื่องสงฆ์ จนเสียการปฏิบัติ และเป้าหมายของตนเอง เพราะเว็บที่ฉันเผยแผ่ธรรมอยู่นี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ต่าง แก้ตัวให้กับสงฆ์ แต่มีไว้เพื่อผู้มีบารมีร่วมกันเรียนธรรม ตามสมควรแก่ ฐานะ อายุขัยฉันไม่มาก และเวลาที่จะถ่ายทอดให้ก็ไม่มีมากด้วย
       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2015, 01:59:21 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรียนถาม พระอาจารย์ ทะเลาะกับเขาอย่างไร ครับ

 :25:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การทะเลาะของฉัน ก็คือ
   1. แผ่เมตตา
   2. ชี้แจงความเป็นจริง ที่ควรทราบในกรรมฐาน
   3. หากผู้รับการชี้แจง ไม่สนใจจะฟัง ฉันก็จะ วางอุเบกขา
   4.  ไม่ยุ่งกับบุคคลนั้นต่อไป

  มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาเป็นครูอาจารย์ สอนกรรมฐาน เมื่อถูกถาม หรือ ถูกกล่าวหาว่าสอนผิด มันต้องชี้แจ้งให้แก้ผู้ที่กล่าวหาเรา ถึงเม้ส่วนตัวไม่ชอบแบบนั้น

   แต่ทุกวันนี้ จดหมายโจมตี และจดหมายด่า มีมาหาฉันทุกวัน ๆ ละไม่ต่ำกว่า 50 ฉบับ

   ดังนั้น เรื่องอุเบกขา ไม่ต้องมาสอนหรือเตือนฉัน ๆ เป็นครูอาจารย์ ฉันรู้ดีในเรื่องนี้และมั่นใจในการประพฤติ ปฏิบัติของตน จนระดับที่ตนเอง พอใจแล้วด้วย

    ทุกวันนี้ ฉันก็ลำบาก เพราะความใจดี่เป็นที่ตั้ง ไม่อยากให้ ใครๆ ต้องทุกข์ ถึงต้องอยู่วิเวก ไม่เกี่ยวข้องด้วยสงฆ์ทางตรง มุ่งเผยแผ่กรรมฐาน อดมื้อ กินมือ้ อยู่อย่างลำบาก อัตคัต

    เว็บนี้ จะยุติหลายครั้งแล้ว เนื่องด้วยไม่มีจตุปัจจัย ไปจ่าย ค่า Server ค่า บริการต่าง ๆ
    ก็ได้แต่ลูกศิษย์ที่เคารพกันไม่กี่คน มาช่วยแต่ตอนนี้ทุกคนก็เดือดร้อนกันไปตามเศรษฐกิจ ฉันเองก็ไม่ค่อยอยากจะรบกวน ก็ทำเท่าที่ทำได้

    อยากจะฝากกับทุกท่าน ว่า ท่านบอกว่าเคารพฉัน แต่เวลาที่ฉันลำบาก ท่านไม่เคยช่วยฉันกันเลย ทั้งที่รู้ว่าลำบากก็ไม่เคยถวายทาน หรือ ส่งเสริม นอกจากบอกว่า เคารพฉัน นับถือฉัน ฉันมองไม่เห็นความเคารพที่ท่านบอกหรอก นะ เพราะมันเหมือนกับทานกำลังมองฉันตายและพยายามบอกว่า อยากช่วยประมาณนั้น

    ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลาย ใช้ประโยชน์ ที่ฉันเปิดเผยเนื้อหา ทางธรรมกรรมฐานที่สำคัญ นำไปปรับปรุงการปฏิบัติที่ติดและขัดของตนเอง เสียเถิดเพราะว่า ที่นี่ปิดทองหลังพระให้กับท่านแล้ว จงรีบขวนขวายในขณะที่ ฉันมีชีวิตอยู่ เพราะหลังจากฉันไม่มีชีวิตแล้ว เว็บที่นี่ก็คงต้องปิดไปตามกาลเวลา เช่นกัน ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ถาวร อยามัวประมาท ว่าเรายังมีชีวิต ยังแข็งแรง ยังรู้ธรรม

     ฉันเคยตาบอดมาก่อน จนกระทั่งเข้าใจผิดว่า ตนเอง บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันมาแล้ว แต่เพราะได้ครูอาจารย์ที่ถูกต้องมาสอนและเดินจิตได้ตามที่ครูสอน จึงรู้ว่า ที่ผ่านมานั้น เรารับคำสอนผิดไว้ จึงรู้ว่าไม่ใช่ จึงรู้ว่าที่ทำมา ที่คิดมามันผิด

     เพราะปัจจุบัน ครูอาจารยที่มีชื่อเสียง สอนผิดมีหลายองค์ ( อย่าให้ระบุชื่อ เพราะฉันไม่อยากไปทับถม ใคร ๆ )เอาเป็นว่า ใครถูกโฉลก ในธรรมกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ก็เชิญ ถึงแม้จะพยายามพูดว่า ไม่มีสายแต่ความเป็นจริง มันก็มีสายการปฏิบัติอยู่ดี นะ  ไม่ต้องอมพระพูดว่าไม่มีสายการปฏิบัติ บอกว่าเป็นสายพระพุทธเจ้า  ที่มีสอนกันก็แตกต่างไปตามครูอาจารย์ ที่เหลือลูกศิษย์ต้องไปเที่ยบเคียงกับ พระพุทธพจน์ว่าใช่ คำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ? ใช่ไหม


       ;)

เหตุที่ปีนี้ พูดเรื่องสายการปฏิบัติ เพราะว่าจดหมายสะสมจากท่านที่สงสัยมันมากขึ้นถือว่าเป็นการตอบกันไปเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2015, 02:01:42 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เวลาเขาว่า พวกคุณหนัก ๆ  เถึยงกันหนัก ๆ ในกระทู้
 พวกคุณหยุดโพสต์ กันได้ เพราะความรู้สึก ที่ต่าง ๆ เกิดขึ้น  และพร้อมทีไม่กลับเข้ามาที่นี่ได้

   ถูกหรือไม่ ?

แต่ของฉัน จดหมายส่งตรง ข้อความส่วนตัว
แม้แต่ข้อความที่โพสต์ด่าฉันกันเป็นประจำ ๆ เหล่านั้น
เมื่อฉันอ่านแล้ว ฉันก็หยุดเว็บนี้ไม่ได้ เพราะต้องดำรงหน้าที่ต่อไป

   นี่คือความต่างของท่าน กับ ฉัน

ที่นี่ไม่มีข้อความของพวกท่านก็ได้ แต่ที่นี่ ต้องมีข้อความของฉันอยู่
แต่ฉันเปิดโอกาส ให้ทุกคน ทุกสำนักแสดงความเห็นได้ ตามภูมิธรรมความรู้ของตน
เป็นการเผยแผ่ ภูมิธรรมแก่ชนที่สมควรตามฐานะ ด้วยทางหนึ่ง

    ฉันใจกว้าง ใช่หรือไม่ ?

การที่ฉันไม่กล่าวว่า บุคคลใด ที่มาโพสต์ด่าฉัน ไม่ใช่ว่า บุคคลนั้นจะไม่ได้รับ บาปอกุศล นะ
เพราะบาป อกุศล ถึงฉันจะอภัย ให้ มันก็ยังวิ่งของมันตามนั้น

 
     อันนี้ต้องทำความเข้าใจ กันนะ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2015, 02:11:14 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านข้อความของพระอาจารย์ มาสองวันนี้ อยากร้องไห้ ในความเสียสละ ในความเป็นครูปิดทองหลังพระ ที่เป็นพระนักสู้ จริง ๆ และเป็นครูอาจารย์ ที่มีการประพฤติปฏิบัติดี ตรงด้วย

  พระอาจารย์เคยแสดงให้ลูกศิษย์เห็นมาครั้งหนึ่ง แล้ว ด้วยการนั่งสมาธิในกลด ที่ลำปาง เป็นเวลา สามวันสามคืน ในกลดโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นจากที่ และขยับตัว พวกเราเห็นกับตามาแล้ว ในคณะของ ครูนภา ท่านประสิทธิ์

   บอกเลยว่า ครูอาจารย์ ที่เป็นครูสอนโดยไม่ถือตัว และลำบากอย่างพระอาจารย์ น่านับถือมาก
   ภูมิธรรมความรู้ของพระอาจารย์ ก็ไม่ใช่น้อย จบ นธ.เอก ปธ 5 ป.โท และเป็น ไอที ด้วย

    นับว่าเป็นที่หายาก แต่ทำไม บรรดาวัดเหล่านั้นถึงปฏิเสธพระอาจารย์ กัน
    ผมกำลังตามหาเหตุผล

       ที่นึกได้ประการแรก คือ ลาภสักการะ
       และกำลังไปเวิเคาะห์กัน อีกหลายคน ... .เพราะอยากช่วยมาก ตอนนี้

    :49: :25: st11 st12
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ สาธุ

 st11 st11 st11

ผมกราบขอขมาที่ผมโพสท์ความเห็นอันทำให้เข้าใจผิดกันครับ
ผมขอให้พระอาจารย์อดโทษไว้แก่ผมด้วยเทถิด
กรรมน่าติเตียนอันใดที่ผมกระทำแล้วต่อ
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวก
พระอาจารย์สนทยา ธัมมวังโส




ซึ่งผมขออนุญาตอธิบายกระทู้ที่ผมโพสท์พอให้เข้าใจตรงกันดังนี้ครับ

** โดยตัวของผม พระอาจารย์สนทยา ธัมมวังโส คือ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของผม ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาธรรมฐานทางแห่งการพ้นทุกข์ทั้งปวงให้แก่ผม ที่ผมให้ความเคารพศรัทธามาโดยตลอดครับ และ ไม่เคยลดน้อยลงซึ่งศรัทธาที่มีต่อพระอาจารย์สนทยา ธัมมะวังโส ครับ ถึงแม้ผมจะมีโอกาสได้เรียนรู้กับพระอาจารย์น้อยมาก จนแทบไม่รู้อะไรเลยแต่สิ่งที่พระอาจารย์สั่งสอนมานั้นมีคุณประโยชน์อย่างสูงแก่ผมครับ**


1. ที่ผมโพสท์ คือ ความเห็นส่วนตัวเรื่องการที่มีอัตตาในสายกรรมฐานทั้งหลายน่ะครับ แล้วเกิดการวิวาทตำหนิติเตียนกรรมฐานซึ่งกันและกัน ไม่เกี่ยวกับกรรมฐานสายไหนตัวตนบุคคลใดทั้งสิ้น
2. ที่ผมโพสท์ หมายความว่า ทุกๆสายกรรมฐาน ผู้ที่ยังแค่ปุถุชนอยู่ยังยึดมั่นถือมั่น ก็ยังมีมากอยู่ มีทั้งที่ดี ที่ถูก ที่งาม และ ที่ไม่ดี ไม่ถูก ไม่งาม ดังนั้นไม่อยากให้ปุถุชน คือ บุคคลที่รู้น้อย ศึกษาน้อย เข้าถึงน้อย ยังโง่อยู่โดยใช้แต่ความเชื่อและความคิดในทางโลกมากอยู่อย่างผมเป็นต้น เข้าไปกระทำความติเตียนตาม เพราะมันหาประโยชน์สุขไรๆไม่ได้นอกจากทุกข์ และ อนนัตริยะกรรม ให้อยู่อย่างผู้ทีสุตตะมาก เป็นผู้พหูสูต ดั่งพระอานนท์เถระ ดั่งพระราหุลเถระ ย่อมมีคุณมาก
3. แค่ให้รู้ว่าคนจริงมีอยู่ คนไม่จริงก็มีอยู่ในทุกสาย เราจะกล่าวติเตียนกันไปตามความเห็นผิดของเขาที่เชื่อตามๆกันมาไปเพื่อสิ่งใด พระศาสดาองค์เดียวกัน พระไตรปิฏกเดียวกัน การปฏิบัติก็เหมือนกันแค่อุบายทางเข้าถึงพิจารณาต่างกันบ้างเล็กน้อย ขนาดลูกเกิดจากทั้งพ่อท้องแม่เดียวกันได้ถูกเลี้ยงดูสั่งสอนด้วยดีเหมือนกัน เรียนโรงเรียนและครูอาจารย์คนเดียวกัน ก็ยังต่างนิสัยกันได้ อย่าไปติดใจอะไรมากมายกับเรื่องนี้ เพราะหากเราไปไหลงเชื่อหรือกระทำตามความเชื่อต่อๆกันมา พระพุทธศาสนาอาจจะเสื่อมเพราะเราเอง
4. เราสามารถตั้งใจเรียนรู้สิ่งใดก็ได้ตามจริตนิสัย แสวงหาความรู้ไปให้มาก ให้ทุกสาย เหมือนพระราหุลมีเจตนาจะเรียนรู้ธรรมทั้งปวงของพระพุทธเจ้าและครูอุปัชฌาย์ให้หมด ไม่เกิดความเชื่อติเตียนกระทำกรรมอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศลตามเขา เหมือนพระอานนท์ผู้พหูสูต เหมือนพระนาคเสนที่เดรียนรู้ครบหมดทุกอย่าง เพื่อตนเอง และ ผู้อื่นในภายภาคหน้าเมื่อเรามีโอกาสได้ถึงธรรมของพระตถาคต คือ เรียนรู้ให้เป็นไปเพื่อมนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย เทวดา อมนุษย์ พรหม มาร ทั้งหลายเพื่อให้เขาได้รู้เห็นทางสว่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน ดำรงไว้ซึ่งทางกรรมฐานทั้งปวงของพระพุทธเจ้าให้ยั่งยืนจนสิ้นกาลนาน

หากการโพสท์กล่าวอันใดที่ทำให้เกิดความคลางแคลงไม่สบายกายใจต่อพระอาจารย์โดยที่ผมไม่มีเจตนาจะให้เป็นเช่นนั้น ก็ขอำพระอาจารย์อดโทษไว้แก่ผมด้วยเถิด เพื่อความสำรวมระวังในคราวต่อไป เพื่อความถึงซึ่งธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เครื่องออกจากทุกข์นั้น


 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

     สาธุ สาธุ

          ความรู้ตัวและขอขมาเป็นเรื่องดี


            เพราะเราจะได้เดินทางกันต่อ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ