จากประสพการณ์ ภาวนา มาจุดหนึ่ง มีนิมิตเกิดในขณะสัมปยุตธาตุ ( ไม่ได้มีเหมือนกันทุกคน )
พระพุทธเจ้าเปิดบารมีให้เห็นธรรม นำจิตของเราไปด้วยอักขระ
ตัวอักขระ นะ ปรากฏที่ข้อมือ นำจิตเข้าไปในเส้นเอ็น จนเห็นกระดูก ของตนเอง กลวงโบ๋
ครั้นทราบการชี้นำ จิตจึงเจริญวิปัสสนาตาม ความประสงค์ของพระพุทธเจ้า พิจารณาสัมปยุตธรรมลงไป
ในเอ็น และ กระดูก ด้วยสมาธิในขณะนั้น จิตเป็นสมาธิแล้ว จึงรู้เห็น แจ้งชัด ตามความเป็นจริง
ทำการสัมปยุต ธาตุดิน แจ่มชัด ว่า นี้คือ เอ็น และ กระดูก อันชื่อว่าเป็น กาย ของเรา เป็นตัว เป็นตนของ
เรา แต่เราหาควบคุมดูกายนี้ได้ไม่ เอ็น และ กระดูก นี้จึง ว่างเปล่าจากเรา จากของเรา จากตัว จากตนของเรา
แม้จิตนี้ ก็ไม่ครอบครอง จากสิ่งที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา จนเอ็น และ กระดูก เห็นเด่นชัด
ว่า ไม่ได้เกิดจากเรา จากตัว จากตนของเรา เป็นเพียงธาตุที่เกิดขึ้น เป็นเพียงธาตุที่ตั้งอยู่ เป็นเพียงธาตุที่ดับ
ไม่อยู่ในการบังคับบัญชาของเรา จึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นสักว่าูธาตุ ตามธรรมชาติ
แม้ปัจจัยภายนอก อันประกอบด้วยปัจจัย 4 ทั้งหลาย ก็กลายเป็นของน่าเกลียด น่าชัง ร่วมไปกับธาตุ นี้
ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาให้งาม ให้สวย บังเกิดขึ้นเป็นความเสื่อม เพราะธาตุ นี้
เอ็น และ กระดูก นี้จึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็น ตัวตน
ของเรา เพราะว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็ํนตัว เป็นตน เป็นเราเป็นของเรา ไม่อยู่ในอำนาจแห่งเรา
แม้กาย ทั้งหมดนี้ ก็เช่นกัน เป็นแต่เพียงสักว่า กาย หาได้เป็นเรา เพราะกายนี้ก็เกิดขี้น ตั้งอยู่ และดับไป เช่น
กัน แม่ชีวิตนี้ ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา อันไม่ควรเข้าไปยึดมั่น ถือมั่นด้วยใจ
อย่างนี้
เจริญพร