ใครด่าข้า ข้าก็ไม่สน ใครชมข้า ข้าก็ไม่สน นี่แหละหลักการบรรลุธรรม เพราะไม่มีใครด่าเราสักคน มีแต่เราด่าตัวเอง โดยเอาคำด่าเขามาคิดปรุงแต่ง
ประโยค........ นี้เคยได้ยินมาหลายครั้งแล้ว มันเป็นพฤติกรรมของโจร ที่บุกเข้ามาปล้นฆ่า
คนในบ้านเรา แล้วเหลือเรา แล้วมันก็พูดว่า นี่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา
แล้วมันก็ฆ่าเรา เพราะบอกว่าถ้า ..โกรธ ...เกลียดก.... มึงไม่ใช่พระอรหันต์ นะแล้วมันก็หัวเราะเดินจากไป
เหตุผลเพราะอะไร ครับฟังนะไอ้...........
นักปฏิบัติทุกท่าน ๆ เป็นพระโสดาบัน ละกิเลส 3 ข้อ ก็ไม่ไ้ด้หมายความไม่มีความขัดเคืองไม่ได้
มีความกำหนัดไม่ได้ พระโสดาบัน ยังเงื้อหมัดต่อยหน้า ไอ้........ได้
อีกอย่างพระโสดาบันมีอยู่มาก แต่ถูกประนามเป็นมาร ก็ไอ้..........แรก
เป็นพระสกทาคามี ละกิเลส 3 ข้อ 4 และ 5 บางเบา ก็ยังสามารถ ไล่เตะไอ้ ได้อยู่ดี แต่คงไม่ทำแล้วละ อาจจขุ่นเคืองบ้างเล็กน้อย และดับไปโดยเร็ว
เป็นพระอนาคามี ละกิเลสได้ 5 ประการถ้าเป็นพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็จะนิ่งเฉย เพราะว่า
ปฏิฆานุสัย และ ราคานุสัย ดับลงแล้ว ถ้าทั้งหลายเป็นผู้นิ่ง และ โต้ตอบเพียงเล็กน้อย ก็อยู่ในกลุ่มนี้
ถ้ามันยังเรียกท่านว่ามาร ผมก็ประนาม ไอ้........... ตรงนี้ด้วย ระดับนี้แล้วเขาไม่มาจ้อเรื่องความลำบาก
เลือดตาแทก( เขียนตามมัน )กระเด็น ชีวิตมันลำบากอะไร กัดก้อนเกลือกินหรือ อย่าไปเชื่อเลยครับ
ผมเองเคารพศรัทธา ในพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ ผมเป็นปุถุชน ย่อมยกเว้นอยู่แล้ว
สามารถไล่เตะ ไล่ยิง ไอ้มารนี้ได้
อีกอย่าง การที่มันกล่าวประนาม แก็งค์ผ้าเหลือง ทั้งหมดทำสัทธรรมปฏิรูป ทำให้คน
หลงผิด บอกตรง ๆ ถ้ามันเป็นลูกผม ตบหัวกลิ้งเลย เพราะตัวมันนั่นแหละเป็นผู้ก่อ สัทธรรมปฏิรูป โดยอ้าง
ว่า แหกกฏฉีกแนว แต่ทุกวันนี้ มันก็ยังอ้างธรรมะ ของแก้งค์ผ้าเหลือง ทีมันประนาม มาเป็นเครื่องมือ
ซึ่งตามความเป็น จริงแล้ว ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควร ยังมีอยู่มากมาย และทำงานด้วย
ความเหน็ดเหนื่อยอยู่ ซึ่งมันกล่าวปรามาสพระสงฆ์ทั้งหมด แล้วยกหางมัน ว่ามันติดต่อ เจ้าแม่กวนอิมบ้าง พระ
โพธิสัตว์บ้างพระพุทธเจ้า บ้าง พระยายมบ้าง การกล่าวอ้างเช่นนี้ ในทางพระสงฆ์เขาปรับอาบัติ ปาราชิก คือ
ขาดจากความเป็นพระ แต่ถ้าเป็น ฆราวาส ถือว่า สติ ฟั่นเฟือน เพราะอะไรครับ
เพราะผู้ปฏิบัติ ที่บรรลุแท้ ๆ นั้น เขาไม่ทำอย่าง .......... ทำ
อุปกิเลสที่สำคัญ ผมวิจัยให้ครับ
1. มานะ ยังมีความสำคัญ ว่าตัวเองเลิศ ประัเสริฐศรี กว่าชาวบ้าน ดูหมิ่นทุกผู้คนเป็นมาร
2. สาเถยยะ โอ้อวด สรรพคุณ ต่าง ๆ นานา ประการ
3. มายา หลอกลวง หวังผล หลายอย่าง โดยเฉพาะการทำสัทธรรมปฏิรูป ศาสนาสากล
4. อิสสา ริษยา ไม่อนุโมทนา กับบุญกุศลที่คนอื่นทำ เที่ยวบอกว่า บุญของแกใช้ไม่ได้
ต้องของฉันนี้ใช้ได้
ไม่ต้องกล่าวทั้ง 16 ตัว
ยังมี วิปัสสนูกิเลส อีกแต่ไม่ต้องกล่าว ก็แล้วกัน
มันจะเรียกผมว่า มาร หรือ พญามาร ก็ชั่งหัวมันเถอะ ผมมั่นใจในบุญกุศลของผม ๆ แค่มีศีล 5
แต่ ไม่ตะลบ ตะแลง ........ เหมือน............
เรากำลังถูกมาร ตัวใหญ่ หรอก ในฐานะคนนอก ผมอ่านแล้ว พิจารณาเห็นความต้องการของ คนที่ยกตนเองว่า
บรรลุธรรม นั้น ต้องการให้ท่านทั้งหลาย อย่ามีปฏิกิริยาใด ๆ ในการโพสต์ของเขา เพื่อที่เขาจะได้ใช้เนื้อที่ในห้อง
โพสต์ แล้วก็บอกที่อื่นต่อว่า พวกท่านทั้งหลายเป็นมาร ที่ถูกสยบแล้ว
จุดประสงค์ เพียงเพื่อต้องการโพสต์ ความคิดเห็นของตนเอง โดยกล่าวอ้าง พระพุทธเจ้า บ้าง ในแนวหลัก
ศาสนาสากล ผมอยู่ห้อง Hi5 พระพุทธศาสนา ทราบดีว่ามีคนแบบนี้อยู่มากมายจริง ๆ
คนที่กล่าวว่าตนเองเป็นผู้บรรลุธรรม และ มีพฤติกรรมแบบนี้ มีเป็นร้อย
คนที่กล่าวว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เป็นร้อยอีก
คนที่กล่าวว่าตนเองเป็นพระศรีอริยเมตตรัย ก็เป็นร้อยอีกเหมือนกัน
พวกท่านสามารถ เข้าไปอ่านในบอร์ด พระพุทธศาสนา ใน Hi5 ครับ
เพราะที่นั่น ศาสนาสากล ยิ่ง กว่านี้อีก ......ครับ
( ไม่ได้มาชวนนะครับ )
ถ้าสิ่งที่ผม ท้าไปนั้น แล้ว ยังทำไม่ได้ อย่างที่ตัวเขา อ้าง
เพื่อความสงบ ก็คิดว่า สงเคราะห์คนบ้า นะครับ ให้มีที่ระบาย บ้าง และดัดนิสัยสันดานเขาไปเรื่อย ๆ
เขาทดสอบเรา เราก็ทดสอบเขา
ไม่ต้องทุกข์ร้อน หรอกครับ เพราะพวกคุณ รวมทังผม ก็บอกแล้วว่าเป็นปุถุชน ทำผิดได้ ถูกได้ ไม่ใช่เพราะ
อรหันต์ ที่ต้องทำกุศลฝ่ายเดียว
ส่วนคุณ PHONESAK เป็นผู้บรรลุธรรม ( ผมยังไม่รับรอง หากยังไม่ทำตามคำท้า )
เวลาเขาว่าพวกคุณนั้น แล้วพวกคุณว่ากลับไปนั้น เวลาเขาตอบมาว่าฉันไม่ได้สังขาร ไม่ได้ปรุงแต่ง
อมพระมาพูดยังไม่เชื่อเลย เพราะว่า มันโต้กลับด้วยวาจาที่หยาบคาย เหยียดหยาม ดูหมิ่น ทุกครั้ง
เพราะอะไร เพราะใจมันไม่บริสุทธิ์จริง ๆ
วิจารณ์ ต่ออีกเรื่อง นะครับ การที่มันบอกว่า ตนเอง ทำเพื่อพระพุทธศาสนาในอีก 7650 ปีข้างหน้านั้น
ยิ่งเหลวไหลใหญ่ เพราะอะไรครับ
ในจักรวัตติสูตร ได้มีพระดำรัสของพระพุทธเจ้า อย่างชัดเจนว่า
หลังจาก ตถาคต ปรินิพพานแล้ว ได้ 1000 ปี จักมีผู้ปฏิบัติธรรมได้สูงสุด เป็น พระอรหันต์สุกขวิปัสสก
หลังจาก ตถาคต ปรินิพพานแล้ว ได้ 2000 ปี จักมีผู้ปฏิบัติธรรมได้สูสุด เป็น พระอนาคามี
หลังจาก ตถาคต ปรินิพพานแล้ว ได้ 3000 ปี จักมีผู้ปฏิบัติธรรมได้สูงสุด เป็น สกิทาคามี
หลังจาก ตถาคต ปรินิพพานแล้ว ได้ 4000 ปี จักมีผู้ปฏิบัติธรรมได้สูงสุด เป็น พระโสดาบัน
หลังจาก ตถาคต ปรินิพพานแล้ว ได้ 5000 ปี พระพุทธศาสนาของตถาคตจักหมด
ซึ่งพิจารณาตามจริง แล้ว ด้วยสัพพัญญู ของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับบอกพวกเรานัย ๆ แล้วครับว่า
คนในยุคต่อ ๆ ไปนั้นจะไม่มี อุคติตัญญู วิปจิตัญญู และ เวไนยะ คงเหลือ แต่ ปทปรมะ
ซึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่พระดำรัสของพระพุทธเจ้า จะผิดเพี้ยน
พวกเราควรเชื่อ พระสัพพัญญุตญาณ ของ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก่อน ดังนั้น การที่จะมาสร้างธรรมเพื่อดำรงศาสนานั้น ก็คือ ศาสนาสากล นี่แหละที่จะทำลายศาสนาพุทธ
ในยุคนี้ เป็น ยุคของพระอนาคามี และ พระสกทาคามี
แต่มีความเป็นไปได้ ที่จะมีพระอรหันต์บ้าง ซึ่งเป็นส่วนน้อย
ส่วนการมาอุบัติของ พระพุทธเจ้าพระธรรมิกราชานั้น ( พระศรีอาริยเมตตรัย )นั้น อีกนานมาก
ต้องรอวิวัฒนาการของมนุษย์ให้มีอายุเหลือ เพียง 10 ปี แล้ว พัฒนาขึ้นเป็น หมื่น ๆ ปี
พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 จึงจะมาอุบัติ
เนื้อเรื่องนี้ผมลอง find กระทู้ในที่นี้ ก็มีครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=723.0 ถ้าท่านเชื่อเรื่องที่พวกมัน กุ นี้ ก็เท่า กับ ไม่เชื่อใน พระสัพพัญญู ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่พระองค์ตรัสทำนายไว้