ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "วัดพระแก้ว" เลื่องชื่อ ติดอันดับ 1 ใน 10 เขตศักดิ์สิทธิ์น่าไปเยือนแห่งเอเชีย  (อ่าน 1575 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28565
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



"วัดพระแก้ว" เลื่องชื่อ ติดอันดับ 1 ใน 10 เขตศักดิ์สิทธิ์น่าไปเยือนแห่งเอเชีย

       เว็บไซต์ Touropia.com เว็บไซต์ท่องเที่ยวได้จัดอันดับ 10 วัดเลื่องชื่อที่สุดในเอเชีย ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าไปเยือน โดยอินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนวัดที่น่าไปเยือนติดอันดับมากที่สุด ส่วน “วัดพระแก้ว” วัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยไทยก็ได้ติดอันดับในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และแต่ละวัดนั้นก็มีความสวยงามและโดดเด่นไม่แพ้กันเลย
       
       10 วัดเลื่องชื่อที่สุดในเอเชีย มีดังนี้



“นครวัด” สิ่งมหัศจรรย์แห่งกัมพูชา
       
       1.นครวัด ประเทศกัมพูชา (Angkor Wat - Cambodia)     
       “นครวัด” เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา นครวัดจัดเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน โดยเริ่มสร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งในสมัยก่อนนั้นศาสนสถานแห่งนี้ เป็นเทวสถานของศานาฮินดู ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธในภายหลัง และด้วยความที่นครวัดมีสถาปัตยกรรมอันงดงามตระการตา ตามแบบสถาปัตยกรรมของเขมรในยุคคลาสสิก จึงทำให้ถูกจัดอันดับว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดอันดับต้นๆ และได้กลายมาเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก



พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์แห่ง “บุโรพุทโธ”

       2.เจดีย์บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย (Borobudur - Indonesia)       
       “เจดีย์บุโรพุทโธ” ตั้งอยู่บนเกาะชวา ประเทศอิโดนีเซีย เป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 1293-1393 ห่างจากยอร์กยาการ์ตาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ความอลังการของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินประมาณ 2 ล้านก้อน เรียงต่อกันเป็นฐานที่ยิ่งใหญ่และมั่นคง จนทำให้องค์การยูเนสโกออกประกาศให้บุโรพุธโธเป็นมรดกของโลก เมื่อปี พ.ศ. 2534



ประติมากรรมแบบโรมันที่ “บาลเบ็ค” (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       3. บาลเบ็ค ประเทศเลบานอน (Baalbek - Lebanon)       
       “บาลเบ็ค” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเลบานอน เป็นประติมากรรมแบบโรมันที่มีความโอ่อ่าด้วยเสาสูงใหญ่ และหินแกรนิตเรียงต่อกันสูงราว 21 เมตร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโรมัน ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 โดยจุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อสักการะเทพเจ้าโรมัน 3 พระองค์ ซึ่งก็คือ เทพจูปิเตอร์ เทพบาคคัส และเทพีวีนัส ความใหญ่โตงดงามของสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดเด่นและสร้างความน่าสนใจให้ประเทศได้ไม่น้อย



“วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ” หรือ “วิหารทองคำ” (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       4. วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ ประเทศอินเดีย (Harmandir Sahib - India)       
       “วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ” หรือที่รู้จักกันในนาม “วิหารทองคำ” เป็นวิหารสำคัญที่สุดในศาสนาซิกข์ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 แต่แล้วเสร็จเมื่อศตวรรษที่ 19 ด้านบนของวิหารถูกปกคลุมไปด้วยทองคำเหลืองเด่นสะดุดตา สะท้อนภาพความสวยงามจากเงาน้ำเสริมให้วิหารแห่งนี้ดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นอีกหลายเท่า และตลอดทั้งปีจะมีนักแสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเยี่ยมชม และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเนืองแน่น จนกลายเป็นภาพความสวยงามที่ชมได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว



“วัดคิงคะคุจิ” ที่โดดเด่นไปด้วยศาลาทองสะท้อนเงาน้ำ

       5. ปราสาทคินคาคุจิ ประเทศญี่ปุ่น (Golden Pavilion - Japan)       
       “ปราสาทคินคาคุจิ” หรือ “ปราสาททองคำ” ตั้งอยุ่ที่เมืองเกียวโต โดยเป็นอดีตบ้านพักตากอากาศของโชกุนโยชิมิสึ แห่งตระกูลอาชิคางะ ซึ่งหลังจากถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2493 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยในสมัยก่อนปราสาทคินคาคุจิถูกสร้างไว้เป็นบ้านพักของโชกุนในช่วงเกษียณ แต่ในภายหลังได้ถูกปรับให้เป็นวัดนิกายเซน ภายในปราสาทมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น โดยพื้นที่ของ 2 ชั้นด้านบนนั้นถูกทาด้วยทองคำเปลว และเมื่อใดที่ปราสาทได้สะท้อนขึ้นมาจากน้ำ ก็เป็นจะกลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ตัดกับธรรมชาติของสวนญี่ปุ่นโดยรอบ



หอบูชาฟ้าเทียนถาน (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       6. หอบูชาฟ้าเทียนถาน ประเทศจีน (Temple of Heaven - Chaina)     
       “หอบูชาฟ้าเทียนถาน” ตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นศาสนสถานของลัทธิเต๋า สร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิหยงเล่อ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1963 โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อกราบไหว้ฟ้าดินตามความเชื่อของชาวจีน บริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะแห่งใหญ่ ซึ่งมักจะมีประชาชนมาทำกิจกรรม และเดินเล่นเป็นจำนวนมาก และได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2541



วัดพระแก้ว วัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       7. วัดพระแก้ว ประเทศไทย (Temple of the Emerald Buddha - Thailand)       
       “วัดพระแก้ว” หรือชื่อเต็มในนาม “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" วัดสำคัญที่สุดในกรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศ โดยตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ในเขตพระราชวัง ทัศนียภาพบริเวณนั้นจึงงดงามราวกับเมืองสวรรค์ รายล้อมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวดูสะอาดตา โดยมีจุดไฮไลท์คือ “องค์พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปที่หล่อมาจากมณีสีเขียวบริสุทธิ์เนื้อเดียวกันทั้งองค์ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาชมความงดงามได้อย่างล้นหลาม



“วัดทักซัง” ตั้งอยู่ริมผา (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       8. วัดทักซัง ประเทศภูฏาน (Taktsang Dzong - Bhutan)       
       “วัดทักซัง” หรือ “วัดถ้ำเสือ” เป็นวัดที่อยู่ริมโตรกผาสูงถึง 900 เมตรในเมฆหมอกของเทือกเขาหิมาลัย จนเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วสารทิศ และสร้างความตื่นตาตื่นใจกับให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศภูฏาน



วัดเชนรานัคปุระ (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       9. วัดเชนรานัคปุระ ประเทศอินเดีย (Ranakpur Temple - India)     
       “วัดเชนรานัคปุระ” ตั้งอยู่ที่รัฐราชสถาน ทางตะวันตกของประเทศ เป็นวัดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตามแนวเทือกเขาของประเทศอินเดีย วัดแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง โดยมีโครงสร้างมั่นคงด้วยเสาหินถึง 1,444 ต้น ซึ่งสวยงามตระการตาด้วยลวดลายแกะสลักที่ไม่เหมือนกันสักต้น แถมทั้งภายในและภายนอกอาคารยังเต็มไปด้วยลวดลายแกะสลักที่วิจิตรตรึงใจ



วัดบาไฮ” หรือ “วัดดอกบัว” (ภาพ : เว็บไซต์ Touropia)

       10. วัดบาไฮ ประเทศอินเดีย (Lotus Temple - India)       
       “วัดบาไฮ” หรือ “วัดดอกบัว” ตั้งอยู่ที่รัฐอุตตรประเทศ เป็นอีกหนึ่งวัดเลื่องชื่ออีกแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย โครงสร้างของวิหารเป็นหินอ่อนที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดอกบัวตูม บริเวณรอบๆ ถูกล้อมรอบไปด้วยสระน้ำใสสะอาด 9 สระ ทำให้มีลักษณะเหมือนดอกบัวที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ ซึ่งเป็นประติมากรรมสมัยใหม่ที่สื่อความหมายในทางศาสนาได้อย่างชัดเจน โดยสร้างเสร็จและเปิดให้ประชาชนได้สักการบูชาในปี พ.ศ. 2529 ซึ่งได้มีนักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเยี่ยมชมอย่างล้นหลาม

     
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000024579
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชนรุ่นเก่ามีแรงศรัทธาสูง ชนรุ่นหลังจึงมีโอกาสได้เห็น ขออนุโมทนากับแรงศรัทธา
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ศาสนวัตร อารามวัฒน์

     เห็นธรรมเห็นศรัทธา     หลากคุณค่าสถูปสถาน
อิฐขอนเด่นตระหง่าน     ศาสน์กล่ำแกร่งอเนกอดุลย์ธรรม

     เห็นธรรมเห็นสาธน์สร้าง     กลบเกลื่อนหมางผสานศาสน์นำ
ฆ้องระฆังระงมระกำ     ศาสน์ศรัทธาก่ออร่ามอารามเรือง..

                                                                  ธรรมธวัช.!



      :s_hi:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2014, 10:10:40 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา