ผมขออนุญาตตอบอย่างผู้ไม่รู้ เพราะยังโง่อยู่ ยังไม่ได้ปฏิบัติ ยังไม่รู้เห็นตามจริง ในแนวทางปฏิบัติของผมดังนี้ครับ
๑.ระลึกถึงคุณแห่งความเป็นผู้ไกลจากกิเลส คือ ดับแล้วซึ่ง กาม ราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ ความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีทั้งหลาย น้อมระลึกเอาคุณนั้นเพื่อปหานกิเลสทุกข์ในตน เพื่อความสงบว่างอันสลัดจากกิเลสทั้งปวงที่มีในตน
๒. ระลึกถึงคุณแห่งการตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เองของพระพุทธเจ้า น้อมระลึกพิจารณาถึงธรรมเหล่าใดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จนเห็นถึงความเป็นเครื่องออกจากทุกข์ตามจริง ทำให้เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เรียกว่า ศรัทธาการตรัสรู้ของพรพุทธเจ้า เป็นเหตุใกล้ให้จิตมีเจตนาตั้งมั่นและความเพียรประพฤติตามอยู่เพื่อปหานกิเลสทุกข์ ดั่งพระพุทธเจ้านั้นเพียรอดทนปฏิบัติเพื่อความตรัสรู้ชอบนั้น
๓. ระลึกถึงคุณแห่งความประกอบด้วยวิชชาและจรณะของพระพุทธเจ้า เพื่อความน้อมนำเอาคุณนั้นทำให้เราได้เพียรปฏิบัติถึงในจรณะ ๑๕ ได้โดยง่ายและถึงซึ่งวิชชาและจรณะอันบริบูรณ์ อันเป็นเหตุให้เข้าถึง อิทธิบาท ๔
๔. ระลึกถึงคุณแห่งความเสด็จไปแล้วด้วยดี คือ ไปที่ใดย่อมเกิดธรรมกุศลอันงามและช่วยให้คนออกจากทุกข์ได้ในที่นั้น แล้วน้อมนำเอาคุณนั้นว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่ตนแล้วคือเราได้รู้เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแล้ว ย่อมเกิดแต่สิ่งอันดีงามปราศจากกิเลสทุกข์ขึ้นแก่เรา
๕. ระลึกถึงคุณแห่งความรู้โลกอย่างแจ่มแจ้งของพระพุทธเจ้า โดยน้อมนำเอาคุณนั้นแผ่บารมีให้เราเห็นแจ้งโลกตาม คือ เห็นความเกิดขึ้น ความปรุงแต่ง ความตั้งอยู่ ความเสื่อม และ ดับไปตามจริงในสิ่งทั้งปวงทั่รับรู้ได้ทางสฬายตนะ คือ รูปธรรม นามธรรมทั้งหลาย
๖ ระลึกถึงคุณแห่งการเป็นครูผู้จะแนกธรรมสั่งสอนมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และ สัตว์โลกทั้งหลายให้เห็นทางออกจากทุกข์ ทำให้เราได้เลือกเฟ้นธรรมขึ้นมาพิจารณาปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าจำแนกธรรมสั่งสอนไว้ได้ถูกตามที่จริตของตนต้องการ เพื่อถึงความออกจากทุกข์ ทั้งขั้นต้น ท่ามกลาง และ ที่สุดดังนี้ครับ
แรกๆเมื่อระลึกใหม่ก็คงสับสนและใชเวลาบ้าง เมื่อระลึกแลปฏิบัติเป็นประจำแล้วแค่เพียงระลึกถึงถ้อยคำบทสวดบาลีเพียงท่อนเดียว หรือ แค่บริกรรมว่า "พุทโธ" จิตก็จะน้อมระลึกพิจารณาไปเองโดยอัตโนมัติ
ทั้ง ๖ ข้อมี ศรัทธา เป็นใหญ่ตามด้วย โยนิโสมนสิการ พรหมวิหาร ๔ ศีล สติ สัมปชัญญะ สมาธิ เป็นหลัก
ผู้ระลึกอยู่อย่างนี้ ย่อมมีศรัทธาเพียรปหานกิเลส มีความคิดพิจารณาน้อมนำธรรมทั้งหลายมาวิเคราะห์ มีเมตตาจิตเกิดขึ้นปารถนาดีและความสงเคราะห์คลุมศีลข้อควรละเว้นเพื่อความเป็นปกติให้ตนถึงซึ่งความพ้นกิเลสที่มีในตนแลผู้อื่น มีความระลึกรู้ตามทัน กาย วาจา ใจ มีความรู้ตัวตลอดเวลาที่ระลึกอยู่ จนถึงมีจิตตั้งมั่นอันสลัดจากกิเลสทุกข์ทั้งปวงจนทำให้เห็นแห้งตามจริงในสภาพธรรมทั้งปวงดังนี้
อานิสงส์การปฏิบัติมีมากกว่าความสลัดจากนิวรณ์ กาม ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ และ จิตตั้งมั่น ดังนี้แล