ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แนะพระยุคใหม่ให้ "รอยยิ้ม-กำลังใจ" ปลดทุกข์ ปชช. ไม่ใช่วัตถุ  (อ่าน 1430 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

แนะพระยุคใหม่ให้ "รอยยิ้ม-กำลังใจ" ปลดทุกข์ ปชช. ไม่ใช่วัตถุ

พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ แนะพระยุคใหม่ปลดความทุกข์ของประชาชน ไม่ได้หมายถึงให้วัตถุ อาจให้รอยยิ้ม กำลังใจ
       
    พระศากยวงศ์วิสุทธิ์(อนิลมาน ธมฺมสากิโย) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) กล่าวว่า จากการที่ได้ไปร่วมประชุมองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ครั้งที่ 27 ที่วัดฝ่าเหมิน เมืองเปาจี มณฑลส่านซี สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆ นี้ ชาวพุทธจาก 30 ประเทศทั่วโลก ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดในหัวข้อ “พระพุทธศาสนากับการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์”

    ตนจึงอยากนำข้อมูลการแลกเปลี่ยนความคิดดังกล่าวมานำเสนอให้พระสงฆ์และชาวพุทธในประเทศไทยได้รับทราบ ซึ่งในส่วนของพระพุทธศาสนา นิกายมหายานจะโดดเด่นในเรื่องการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยคณะสงฆ์นิกายมหายานได้เน้นย้ำว่า พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนายุคใหม่ ต้องไม่เน้นสอนธรรมะเพียงอย่างเดียวควรต้องเน้นช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากควบคู่ไปด้วย


        :96: :96: :96: :96: :96:

    พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนเสนอต่อที่ประชุมว่า การที่ชาวพุทธจะเน้นการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ไม่ควรทำในนามชาวพุทธอย่างเดียว ควรทำในนามของมนุษยชาติ พร้อมเสนอแนะว่า การที่พระสงฆ์จะไปช่วยเหลือหรือปลดความทุกข์ของประชาชนนั้น
    สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องรู้และเข้าใจตามความทุกข์ของเขา ไม่ใช่แปลว่า เรามีอำนาจเหนือเขาเราจึงให้ แต่ตามหลักพระพุทธศาสนาผู้ให้ไม่ควรมีอำนาจเหนือกว่าผู้รับ แต่ให้เพราะเห็นความทุกข์ของเขาเหมือนว่าเราเป็นทุกข์ด้วย จึงเรียกว่า การให้ที่แท้จริง ที่สำคัญการช่วยเหลือตามแนวทางพระพุทธศาสนาจะต้องช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ทั้งทางกายและทางใจด้วย

        ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

      “คำว่าให้ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงวัตถุเพียงอย่างเดียว การให้ที่แท้จริงไม่จำเป็นจะต้องให้ด้วยวัตถุ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า มนุษย์เรามีหน้าตา ร่างกาย เพียงแค่ยิ้ม พูดไพเราะ รับฟังผู้อื่นด้วยความจริงใจ การใช้มือใช้เท้าไว้ช่วยเหลือผู้อื่น ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ให้ นี่คือ หัวใจของพระพุทธศาสนา ถ้ามนุษย์รู้จักการให้ที่แท้จริงแล้ว สังคมมนุษยชาติจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000123068
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 27, 2014, 12:57:38 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7294
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระพุทธศาสนา ไม่เคยให้วัตถุ เพราะเป็น พุทธศาสนา เป็นปรมัตถ์
สิ่งที่เป็นวัตถุ เรียกว่า ทาน ไม่ใช่พุทธศาสนา เป็นข้อประพฤติ ส่วนหนึ่งของมนุษย์ ที่มีใจงาม ที่มีมาก่อนพุทธศาสนา สำหรับการให้พระสงฆ์ ไปมอบรอยยิ้ม เป็นเรื่องสังคมมากเกินไป หน้าที่ของพระสงฆ์ จริง ๆ คือการกระทำ พระนิพพานให้แจ้ง แต่เพราะพระสงฆ์ยุคปัจจุบัน ไม่นำพาเรื่องปฏิบัติเท่าไหร่ จึงดูเหมือนมีเวลาว่างมาก นอนกันมาก ปล่อยเวลามาก สังคมจึงจัดให้พระสงฆ์ไปมีบทบาท ในด้านการเป็นผู้นำตั้งแต่ ศ๊ลธรรม จน ถึง ปรมัตถ์ธรรม เห็นด้วยหรือไม่ ? ก็เห็นด้วย แต่ ถ้ามีพระสงฆ์รูปใด ปรารถรนา ในนิพพานสมบัติ ตาม พระพุทธเจ้าแล้ว ก็ควรใส่ใจในการภาวนา มากกว่า เรื่องการบริการสังคม เพราะพระสงฆ์ ถึงไม่ยิ้มแย้ม ก็ยังเป็นที่พึ่งของชนชาวพุทธอยู่แล้ว ด้านกำลังใจ เป็นเนื้อนาบุญของโลกชาวพุทธ ดังนั้น การมีอยู่ของพระสงฆ์ ก็คือ การสร้างขวัญกำลังใจ ให้ กับประชาชนในตัว สิ่งสำคัญต้องไปเข้มงวด เรื่องพระสงฆ์ที่ปฏบัิิติตนมิชอบ มากกว่า อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ

    จากประสบการณ์การเดินทาง อันยาวนาน มานี้ สรุป พระสงฆ์ในยุคนี้ ที่ปฏิบัติดี ชอบ และเอาจริงจังในการภาวนา มีน้อยมาก 1000 รูป เจอสักรูป ก็เยี่ยมแล้ว ส่วนใหญ่ มัวแต่มัวเมา ในลาภ ในยศ ในสุข ในสรรเสริญกันอยู่ ไม่ได้เอาปฏิบัติจริง ใช้การปฏิบัติเป็นเครื่องมือหา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ซะเป็นส่วนใหญ่

     เจริญธรรม / เจริญพร

   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ