
จากภาพ สามเหลี่ยม แทนอัตราส่วน ( อนุมาน แต่คิดว่า น่าจะใช่ ใช้ สถิติของประเทศไทย )
สีทอง เท่ากับ พระอรหันต์ ( 0.000001)
สีเขียว เท่ากับ พระอนาคามี ( 0.0001 )
สีเหลือง เท่ากับ พระสกทาคามี ( 0.001 )
สีฟ้า เท่ากับ พรโสดาบัน ( 0.01 )
สีขาว เท่ากับ กัลายาณชน ( 0.1 )
สีฟ้าเข้ม เท่ากับ ปุถุชน ( .98 )
อัตราส่วนของ ปุถุชน นั้น ประกอบด้วยจำนวน ศาสนาอื่น ๆ ลัทธิ อื่น ๆ ด้วย แม้กัลยาณชน ก็เช่นกัน

มองตามมุม ด้วยแนวคิด ธรรมทาน
ถ้าปุถุุชนมีมากในขณะนั้น การเผยแผ่ ธรรม ต้องใช้ อัตรา 2 : 2 : 1 ( ความเป็นไปได้ )
คือ ปุถุชน 2 คน : กัลยาณชน 2 คน : มีความเป็นไปได้ ที่จะได้ พระโสดาบัน 1 คน
ทฤษฏี ความจริง คือ ไม่มี และ เป็นไปไม่ได้
ทฤษฏี ความเป็นไปได้ ก็คือ ศรัทธา ( ความเชื่อมั่น ในความดี เพราะความดี วัดเป็นตัวเลขไม่ได้ )
ดังนั้นการเผยแผ่ ธรรม มุ่งที่จำนวน ปุถุชน เป็นเบื้องต้น และ กรอง กัลยาณชน เพื่อ มาเป็น พระอริยะ
ความเป็นจริง ยิ่งมีพระอริยะ มากเท่าใด การเผยแผ่ธรรม ก็ ยิ่งมีน้อยลง เพราะพระอริยะ ท่านมุ่งสันโดษในปัจจุบัน เพราะเห็นว่า การเผยแผ่ธรรมนั้น มี พระไตรปิฏกแล้ว นั่นเอง ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล เผยแผ่โดยพระดำรัส คือ ส่งพระสาวกไปองค์ละทิศ องค์ละที่ เพื่อประกาศธรรม

ดังนั้น ถ้ามองให้ดี จะเห็นว่า ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเป็นต้นมา พระอริยะบุคคลหาย ไปทีละลำดับ ดั่งพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ถ้าจะมีอยู่ ก็เพียงน้อยนิด หรือ ไม่เปิดเผยเพราะยุคปัจจุบัน มีความเสี่ยงทางด้านพระวินัย หากเปิดเผย ย่อมต้องถูกสอบสวน โดย พระปุุถุชน ความวิบัติอยู่ตรงนี้ คือ พระปุถุชน สอบสวนพระอริยะบุคคล
ดังนั้น ยุคของพระศาสนา จึงมีพระอริยะบุคคลน้อยลงไปเรื่อย ๆ นั่นเอง