ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ราชอาณาจักรสยามแห่งแรก” มุ่งระดับโลก  (อ่าน 1518 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ย่านสำพะนี อยู่รอบๆ วัดพุทไธศวรรย์ จ. พระนครศรีอยุธยา



“ราชอาณาจักรสยามแห่งแรก” มุ่งระดับโลก

ยกระดับอยุธยาให้เป็น 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวดีที่สุดของโลก เป็นภารกิจ 1 ใน 3 ด้านหลักของคณะทำงานด้านการสร้างรายได้ และกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ประชารัฐของรัฐบาล ประกอบด้วยบูรณะโบราณสถาน, จัดแสงสี, ต้นไม้ร่มรื่น, ขี่จักรยาน, สัญจรทางน้ำ, รถรางไฟฟ้า, โซนนิ่ง, จุดแวะพัก, การแสดง, ความปลอดภัย, พิพิธภัณฑ์, ฯลฯ

จุดขายสำคัญที่ไทยไม่เคยยกย่อง ได้แก่ อยุธยา ราชอาณาจักรสยามแห่งแรกของไทย ได้รับการขนานนามจากชาวยุโรป โดยมีหลักฐานทั้งที่เป็นเอกสารและแผนที่ทำโดยชาวยุโรปยุคนั้น (อ. ศรีศักร วัลลิโภดม บอกไว้นานแล้วในหนังสือกรุงศรีอยุธยาของเรา พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2527)

ก่อนยุคอยุธยา ในไทยยังไม่มีอาณาจักร เพราะบ้านเมืองต่างๆ รวมตัวทางการเมืองขนาดระดับรัฐอิสระที่มีความสัมพันธ์แบบเครือญาติ ไม่มีที่ใดเป็นศูนย์กลาง แล้วแผ่อำนาจปกครองเหนือรัฐอื่นๆ [สุโขทัย ราชธานีแห่งแรกของไทย เป็นประวัติศาสตร์เพิ่งสร้างสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แปลว่า ประวัติศาสตร์ยกเมฆ เพราะไม่เคยมีหลักฐานรองรับสนับสนุน และเป็นรัฐเล็กๆ แห่งหนึ่งมีขอบเขตแคบๆ บริเวณลุมน้ำน่าน-ยม ใต้สุดนครสวรรค์ แค่นั้น]


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ความเป็นมาของอยุธยาราชอาณาจักรสยามแห่งแรก ล้วนเป็นเครื่องกระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวไปท้องที่ต่างๆ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้คนนานาชาติพันธุ์ที่อยู่ภาคพื้นสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์ แล้วยังเกี่ยวดองกับบ้านเมืองโดยรอบ เช่น ลพบุรี, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, สุโขทัย ฯลฯ จนถึงลุ่มน้ำโขง กับลุ่มน้ำสาละวิน

แต่ไทยโชคไม่ดี เพราะหน่วยงานของรัฐและมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องวิชาความรู้ประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะอยุธยา ล้วนแข็งตัวเป็นซากฟอสซิลที่ไปกันได้ดีกับรัฐราชการ (ใส่เครื่องแบบสีกากี) ใต้อำนาจเผด็จการทหาร แต่ไปกันไม่ได้กับโลกที่ไม่เหมือนเดิม และต้องการผลักดันอยุธยาเป็น 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวดีที่สุดในโลก เทียบชั้นเกียวโต เมืองประวัติศาสตร์คลาสสิคของญี่ปุ่น


“ราชอาณาจักรสยาม” เป็นนามที่ชาวยุโรปเรียกกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งแรกและแห่งแรกของไทย มีพยานหลักฐานหลายอย่าง เช่น เอกสาร, แผนที่ [แผนที่ราชอาณาจักรสยาม เขียนโดย บาทหลวงปลาชิด เดอ แซ็งต์ เอแลน นักบวชชาวฝรั่งเศส พิมพ์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) สมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ]



เพิ่มจุดขายท่องเที่ยวอยุธยา

อยุธยาถ้าจะทำเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (ตามที่คณะทำงานภาคเอกชนของรัฐบาลบอกล่าสุด) ต้องสร้างจุดขายเพิ่มอีกให้มากกว่าที่รู้กันทั่วไปขณะนี้ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมีมากและหลากหลาย ทั้งในเกาะเมืองและนอกเกาะเมือง แต่ทางการแช่แข็งไว้ไม่กี่แห่งและไม่กี่ประเภทนานมากหลายสิบปีแล้ว ในเกาะเมือง มีเฉพาะวัด กับ วัง แต่ไม่มีชุมชนย่านการค้า, ถนน, คลอง ซึ่งมีมากและเต็มเกาะ ฯลฯ

นอกเกาะเมือง มีเฉพาะวัดใหญ่ๆ ไม่กี่แห่ง เช่น วัดพนัญเชิง, วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดไชยวัฒนาราม ฯลฯ แต่ไม่มีมัสยิด, ชุมชน, ย่านการค้านานาชาติ, คลอง, ซ่อง, แหล่งทำนา-อาหาร, ฯลฯ โดยเฉพาะย่านการผลิตสิ่งของ ซึ่งมีทุกทิศโดยรอบพระนคร และมีเอกสารยุคอยุธยาบันทึกไว้ จะยกตัวอย่างดังนี้

 :96: :96: :96: :96:

ย่านสำพะนี อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ (ปัจจุบันเป็นท้องที่ ต. สำเภาล่ม ใกล้วัดพุทไธศวรรย์) ยุคอยุธยามีโรงตีเหล็ก รับจ้างตีมีดพร้า กับมีวางขายด้วย พร้อมรับจ้างหล่อครกเหล็กกับสากเหล็ก [ไอ้เสมา คนตีเหล็กอยู่ย่านสำพะนี เป็นพระเอกนิยายอิงประวัติศาสตร์อยุธยา เรื่องขุนศึก ของไม้เมืองเดิม] “สำพะนี” เป็นชื่อขนมหวานอย่างหนึ่งของมุสลิม

ทุกอย่างสร้างใหม่ได้อย่างมีคุณภาพ แล้วดีด้วย เท่ากับเพิ่มจุดขายกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่จัดมหกรรมเทศกาลต่างๆ ในเขตโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ของอยุธยา เท่ากับสนับสนุนให้ทำลายโดยไม่รู้ตัว เช่น วังโบราณ, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดมงคลบพิตร, วัดมหาธาตุ, วัดราชบูรณะ ฯลฯ ในประเทศพัฒนาแล้วเขาไม่ทำกัน ถ้าจะทำเพื่อขายต้องเลี่ยงไปให้พ้น จะได้รักษาไว้ขายนานๆ ไม่ใช่ขายหนเดียว

 ans1 ans1 ans1 ans1

ประวัติศาสตร์สังคมยุคอยุธยามีวิถี กิน ขี้ ปี้ นอน ร้องรำทำเพลง ของสามัญชนคนทั้งหลาย มีเอกสารเป็นพยานยืนยันครบถ้วน แต่ทางการที่เกี่ยวข้องตัดทิ้งไป ส่วนครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนวิชาความรู้เรื่องนี้ ก็ไม่เอาใจใส่ เพราะ “ดีแต่พูด” แล้วไม่ทำอะไรแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่ตนอยู่ สอดคล้องเข้ากันได้สนิทแนบแน่นกับรัฐบาลทหารเล่นขายของ ฯลฯ ในบทความ “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ของ วีรพงษ์ รามางกูร (มติชน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2559 หน้า 16) ดังต่อไปนี้

    “การบริหารบ้านเมืองขณะนี้แม้จะอยู่ในภาวะ ‘รัฐประหาร’ มี ‘รัฐบาลทหาร’ แต่บรรยากาศก็เหมือนเด็กเล่นขายของหรือเล่นซ่อนหา เล่นขี่ม้าส่งเมือง หรือมอญซ่อนผ้า ดูไม่ค่อยจะมีใครเกรงใจใคร บางครั้งก็เหมือนเล่นจำอวดแข่งกับรายการสามน้า จะพูดอย่างไรก็ไม่มีใครถือสาหาความ ไม่เหมือนยามปกติ
     ส่วนผลงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จะมีการพัฒนาไปข้างหน้าหรือถอยหลังเข้าคลองก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะคนชั้นสูงในกรุงเทพฯ พอใจ คนชั้นล่างก็ไม่ว่าอะไร ห่วงแต่เรื่องปากเรื่องท้องก็หมดเวลาแล้ว ทุกวันนี้จึงได้ยินแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง”



ผู้เขียน : สุจิตต์ วงษ์เทศ
ที่มา : มติชนออนไลน์
เผยแพร่ : 18 มิ.ย. 59
http://www.matichon.co.th/news/179732
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 28, 2016, 08:23:22 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: “ราชอาณาจักรสยามแห่งแรก” มุ่งระดับโลก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2016, 10:49:07 pm »
0
ดีครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา