ผม เองทำงานตำแหน่ง หน.งาน กะ
มีลูกน้องในสายบังคับบัญชาทั้งหมด 60 คน
=====================================
มีลูกน้อง ที่เข้าตาเจ้านาย อยู่ 2 คน
คนที่ 1 อายุ 41 ปี เป็นคนรักษาศีล ปฏิบัติภาวนา ชักชวนผมเข้าร่วมปฏิบัติธรรม เรียนจบ ป.โท สาขา สารสนเทศการสื่อสาร เก่งมาก ๆ ทำงานดี ละเอียด รอบคอบ เป็นคนที่ทำงานเสียสละให้เพื่อน
แต่มีจุดอ่อน คือไม่ค่อยพูด ไม่ร่วมสังสรรค์กินเลี้ยงกับพวกเพื่อน คือไปร่วมแต่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
คนที่ 2 อายุ 27 ปี เป็นคนเก่งงานในด้านเดียว คือเฉพาะหน้าที่ตรงนั้น เรียนจบ ม 6
เป็นคนชอบทำงานให้เห็น ถ้าไม่เห็นก็จะใช้คนอื่นทำ เพื่อนในแผนกรัก เข้าตาเจ้านายเนื่องจากประจบเก่ง เป็นคนกินเหล้า เก่ง ไปนั่งกินเหล้าบ้านเจ้านายบ่อย สังสรรค์เพื่อนฝูงบ่อย
===========================================================
เรื่องเกิดตรงที่ว่า มีตำแหน่ง หน.งาน ว่าง ซึ่งการพิจารณาแล้วก็ได้สรุปชื่อของคนทั้งสองขึ้นมา ปรากฏว่าผมเองได้ลงชื่อสนับสนุน คนที่หนึ่ง เพราะว่าด้วยวุฒิภาวะ และคุณวุฒิ วัยวุฒิ พร้อมทั้งหมด แต่เจ้านายผมที่เป็น ผู้จักการแผนก ร่วมทั้งแผนกอื่น กับลงให้ คนที่ 2
ปรากฏสรุปรายชื่อเลือก แล้วมีเพียง 5 คนจาก 15 คนที่เลือก ใน 5 คนที่เลือกล้วนแล้วแต่เป็นระดับ บอสใหญ่ทั้งหมด ประกอบด้วย กจก. 1 ผจส. 3 และ ผม 1
แต่ที่ประชุม ก็ประชุมหักล้างด้วยเรื่องง่าย ๆ ว่า คนที่ 1 เสียเรื่องการสังสรรค์ อาจจะทำให้ไม่เข้าใจหรือเข้าไม่ถึงพนักงาน และที่ผ่านมา ขนาดพวกเขาเองก็ยังไม่ได้สนทนาด้วยเลย ทั้งที่มีอายุงานถึง 16 ปีั
สรุปแล้ว ผมก็ผิดหวัง กับความเห็นของคณะที่ีแสดง
============================================================
เล่ามาพอสังเขป คำถามครับ
คนที่ 1 ถ้ามองอย่างชาวพุทธ บุญมีแต่กรรมบังใช้หรือป่าวครับ
ึคนที่ 2 ถ้ามองอย่างชาวพุทธ แล้วเป็นบุญในชาตินี้ หรือชาติที่แล้ว
ผมเชื่อว่ายังมีคนดี คนเก่ง ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุน อีกมากครับ ท่านเชื่ออย่างผมหรือป่าว
แล้วเราจะช่วย ส่งเสริมคนดี และ เก่ง เหล่านี้ได้อย่างไรครับ