พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
มูลสูตร
[๑๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก พึงถามอย่างนี้ว่า
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิดมีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่มีอะไรยิ่งกว่า มีอะไรเป็นแก่น เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นว่าอย่างไร ฯ
ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่งอาศัย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคจักทรงจำไว้ ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้นเธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่า พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย
ธรรมทั้งปวง มีอะไรเป็นมูล
มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นที่ประชุมลง
มีอะไรเป็นประมุข
มีอะไรเป็นใหญ่
มีอะไรยิ่งกว่า
มีอะไรเป็นแก่น
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย
ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล
มีมนสิการเป็นแดนเกิด
มีผัสสะเป็นสมุทัย
มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
มีสมาธิเป็นประมุข
มีสติเป็นใหญ่
มีปัญญาเป็นยิ่ง
มีวิมุตติเป็นแก่น
ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๓อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๗๑๙๘ - ๗๒๒๐. หน้าที่ ๓๑๑ - ๓๑๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=7198&Z=7220&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=189ขอบคุณภาพจาก
http://igetweb.com/