อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖
๒๙. เรื่องพระเรวตเถระ [๒๙๒]
ข้อความเบื้องต้น พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในบุพพาราม ทรงปรารภพระเรวตเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยธ ปุญฺญญฺจ" เป็นต้น. พระขีณาสพไม่มีบุญและบาป เรื่องข้าพเจ้าให้พิสดารแล้ว ในอรรถกถาแห่งพระคาถาว่า
"คาเม วา ยทิ วา รญฺเญ" เป็นต้นแล้วนั่นแล.
จริงอยู่ ในเรื่องนั้น ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า "ในวันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า "น่าอัศจรรย์ สามเณรมีลาภ, น่าอัศจรรย์ สามเณรมีบุญรูปเดียว(แท้) สร้างเรือนยอด ๕๐๐ หลังเพื่อภิกษุ ๕๐๐ รูปได้."
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอ?"
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า "ด้วยกถาชื่อนี้" จึงตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย บุญย่อมไม่มีแก่บุตรของเรา, บาปก็มิได้มี; บุญบาปทั้งสองเธอละเสียแล้ว"
ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๒๙. โยธ ปุญฺญญฺจ ปาปญฺจ อุโภ สงฺคํ อุปจฺจคา
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
ผู้ใดล่วงบุญและบาปทั้งสอง และกิเลสเครื่องข้องเสียได้ในโลกนี้,
เราเรียกผู้นั้น ซึ่งไม่มีความโศก มีธุลีไปปราศแล้ว ผู้บริสุทธิ์แล้ว ว่าเป็นพราหมณ์.
...ฯลฯ... ที่มา
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=36&p=29อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1301&Z=1424ขอบคุณภาพจาก
http://lh4.ggpht.com/
ประวัติพระเรวตขทิรวนิยเถระ
เอตทัคคมหาสาวกเลิศทางผู้อยู่ป่าเป็นวัตร
(ยกมาแสดงบางส่วน)
นางวิสาขาถามถึงที่อยู่ของเรวตะ
พระบรมศาสดาเสด็จเข้าไปสู่บุพพาราม ภิกษุเหล่านั้นจึงไปยังเรือนของนางวิสาขา
ซึ่งได้ถวายภัตตาหารแต่พระภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นได้ดื่มข้าวต้มแล้วฉันของเคี้ยวแล้วนั่งอยู่
นางวิสาขาอุบาสิกาจึงเรียนถามพวกภิกษุพวกที่ล่วงหน้ามาก่อนเหล่าภิกษุที่ลืมบริขารนั้นว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สถานที่อยู่ของพระเรวตะเป็นที่น่าจับใจไหมหนอ ?
พวกภิกษุกล่าวว่า ดูก่อนอุบาสิกา น่าจับใจ เสนาสนะนั้นมีส่วนเปรียบด้วยนันทวันและจิตตลดาวันแล
ต่อมานางวิสาขาก็ถามพวกภิกษุผู้หลงลืมบริขารแล้วตามมาภายหลังกว่าภิกษุเหล่านั้นบ้างว่า
พระคุณเจ้าสถานที่อยู่ของพระเรวตะเป็นที่น่าพอใจไหม ?
ภิกษุเหล่านั้นกลับตอบว่า อย่าถามเลย อุบาสิกา สถานที่นั้นเป็นที่ไม่สมควรจะกล่าว สถานที่อยู่ของพระเรวตะนั้นอยู่ในสถานที่ซึ่งมีแต่ที่แห้งแล้ง ก้อนกรวด ก้อนหิน ขรุขระและตอไม้เท่านั้นแล
นางวิสาขา ได้ฟังถ้อยคำของพวกภิกษุผู้มาก่อนและมาหลังแล้ว คิดว่าถ้อยคำของภิกษุพวกไหนหนอเป็นความจริง จึงถือเอาของหอมและดอกไม้ไปเข้าเฝ้าพระทศพลเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง กราบทูลถามพระศาสดาว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญภิกษุบางพวกพากันนินทาที่อยู่ของพระเรวตเถระ สถานที่อยู่นั่นเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนวิสาขา ที่อยู่จะเป็นสถานที่อยู่รื่นรมย์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่า จิตของพระอริยะทั้งหลายย่อมยินดีในสถานที่ใด สถานที่นั้นนั่นแหละชื่อว่าสถานที่รื่นรมย์ใจ
ดังนี้แล้วจึงตรัสพระคาถานี้ว่า:
"พระอรหันต์อยู่ในที่ใด จะเป็นบ้านก็ตามป่าก็ตาม ที่ลุ่มก็ตาม ที่ดอนก็ตาม ที่นั้นย่อมเป็นภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจ"
พวกภิกษุชมเชยบุญของเรวตะ
วันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า
“แม้สามเณรผู้เดียวทำเรือนยอด ๕๐๐ หลัง เพื่อภิกษุ ๕๐๐ รูป มีลาภ มีบุญ น่าชมจริง ”
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยถ้อยคำอะไรหนอ?”
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า “ด้วยถ้อยคำข้อนี้พระเจ้าข้า”
ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราไม่มีบุญ ไม่มีบาป เพราะ บุญและบาปทั้งสองเธอสละเสียแล้ว”
ได้ตรัสพระคาถานี้ ในพราหมณวรรค ว่า:
“บุคคลใดในโลกนี้ ล่วงเครื่องข้อง ๒ อย่างคือ บุญและบาป เราเรียกบุคคลนั้น ผู้ไม่โศก ปราศจากกิเลสเพียงดังธุลี ผู้หมดจดว่า เป็นพราหมณ์”
.....ฯลฯ.....
ที่มา
http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-revatta.htmขอบคุณภาพจาก
http://www.108-pra.com/