ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ  (อ่าน 6760 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ

   เพราะหลาย ๆ ท่านกล่าวว่า ถ้าจะปฏิบัติภาวนา ต้องรู้จริต ของตนเองก่อนคะ


  thk56
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ควรหากัลยาณมิตร ที่เป็นครูอาจารย์พระกรรมฐาน

     ท่านอาจจะบอกอะไรได้มาก ตามที่อยากรู้

      สายตาท่านคงดีกว่าสายตา มนุษย์ อย่างเราๆแน่นอน อยู่แล้ว

        ลองดู ของดีๆ มีอะไรดีๆ ก็บอกกันไป

          จะได้ไม่ต้องไปสงสัย อยากรู้อะไรก็ถามพระอาจารย์ของตัวเราเอง

          มีครูอาจารย์ประจําตัวกัน แล้วหรือยัง

          คนโบรณ ทุกยุคทุกสมัย เค้ามีครูอาจารย์ กันทั้งนั้น

          พระมหากษัตริย์ ชาตินักรบ หลายพระองค์ก็มีครูบาอาจารย์


           สมเด็จพระ พนรัต วัดป่าแก้ว (พระมหาเถระคันฉ่อง)  พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

             สวดพาหุงมหากา ให้เหล่าทหารกล้าและพระองค์ก่อนออกรบ เพื่อปลุกขวัญกําลังใจ


            สมเด็จพระสังฆราช(สุก) ไก่เถื่อน

            พระอาจารย์พระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์

             ก็ว่ากันไปตามที่ได้ยินมา

     หรือถ้าจะอยากดูเรื่องจริตเอง ก็ไปหาหนังสือ เกี่ยวกับ จริตทั้งหกมาอ่าน

        แต่อาจจะเลือกผิดไปตามที่เราชอบ แต่ไม่ใช่ตามจริตตนจริงๆ

            ก็ไม่รู้ ของข้าพเจ้าๆมีครูอาจารย์

            จึงไม่อยากให้ความเห็นเรื่องนี้กับใคร

              ของดียังมีอยู่.........ครูอาจารย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 30, 2013, 09:28:30 pm โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ เพราะหลาย ๆ ท่านกล่าวว่า ถ้าจะปฏิบัติภาวนา ต้องรู้จริต ของตนเองก่อนคะ

คำว่า "จริต" ในที่นี้หมายถึงสภาวะจิตของคนตามธรรมชาติจากการแบ่งจริตมนุษย์เป็น ๖ ประเภทใหญ่ๆ

1.ราคะจริต คือสภาวะจิตที่หลงติดในรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสจนเป็นอารมณ์

2.โทสะจริต หรือสภาวะจิตที่โกรธง่าย ฉุนเฉียวง่าย เพียงพูดผิดสักคำ ได้เห็นดีกัน

3.โมหะจริต หรือสภาวะจิตที่มักอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนหรือซึมเศร้าเป็นอาจิณ

4.วิตกจริต หรือสภาวะจิตที่กังวล สับสนและวุ่นวายฟุ้งซ่านแทบทุกลมหายใจ

5.ศรัทธาจริต คือสภาวะจิตที่มีปรัชญาหรือหลักการของตัวเองและพยายามผลักดันให้ตัวเองและผู้อื่นบรรลุถึงจุดหมาย
   นั้น

6.พุทธิจริต คือสภาวะจิตที่เน้นการใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง คิดหาเหตุหาผลมาแก้ปัญหาต่างๆในชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว
   ชีวิตการทำงาน รวมทั้ง มีความสนใจ เรื่องการยกระดับและพัฒนาจิตวิญญาณ


                 

โดยปกติแล้วคนเรานั้นจะทราบถึงความต้องการของตนเอง จริตนิสัยของตนเองมิใช่เป็นเรื่องที่ยากที่จะอ้างว่าไม่รู้ หากกล่าวถึงเรื่องธาตุนี่ซิยากกว่า บุคคลไม่รู้ว่าตนเองธาตุอะไรนั้นไม่แปลก ธาตุเป็นอะไรที่ซับซ้อนซึ่งต้องศึกษาทำความเข้าใจ และค้นหาความเป็นไปในตัวเองด้วยว่า ตนเองนั้นธาตุอะไร? ลำพังตัวตนผมเองนั้นจะสังเกตเห็นจริตนิสัยของตนเองได้ ซึ่งผมจะชัดเจนในโทสะจริต (ผิดหู,ตาขวาง,เสียงแข็ง) เป็นไม่ได้เป็นเรื่องทันทีไม่ว่าคุณจะหญิงหรือชายผมไม่พอใจทั้งนั้น ครับ.! แต่ที่สำคัญคือธาตุที่ผมเองแม้ภาวนาก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองธาตุอะไร? ซึ่งก็มีเพียง ปฐวี-เตโช-วาโย-อาโป / ดิน,ไฟ,ลม,น้ำ ทุกวันนี้ยังยากที่จะรู้สำหรับผม และคุณหละ.! ธาตุอะไรกัน



http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%95_6
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2013, 03:03:23 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28487
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


จริต หรือ จริยา 6 (ความประพฤติปกติ, ความประพฤติซึ่งหนักไปทางใดทางหนึ่ง อันเป็นปกติประจำอยู่ในสันดาน, พื้นเพของจิต, อุปนิสัย, พื้นนิสัย, แบบหรือประเภทใหญ่ๆ แห่งพฤติกรรมของคน)
     ตัวความประพฤติเรียกว่า จริยา บุคคลผู้มีความประพฤติอย่างนั้นๆ เรียกว่า จริต
     1. ราคจริต (ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางรักสวยรักงาม) กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ อสุภะและกายคตาสติ
     2. โทสจริต (ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางใจร้อนหงุดหงิด) กรรมฐานที่เหมาะ คือ พรหมวิหารและกสิณ โดยเฉพาะวัณณกสิณ
     3. โมหจริต (ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางเขลา เหงาซึมเงื่องงง งมงาย) กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ อานาปานสติ และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู
     4. สัทธาจริต (ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางมีจิตซาบซึ้ง ชื่นบาน น้อมใจเลื่อมใสโดยง่า) พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น พิจารณาอนุสติ 6 ข้อต้น
     5. พุทธิจริต หรือ ญาณจริต (ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปในทางใช้ความคิดพิจารณา)
     6. วิตกจริต (ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางนึกคิดจับจดฟุ้งซ่าน) พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น เจริญอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น


อ้างอิง : ขุ.ม. 29/727/435; 889/555; ขุ.จู. 30/492/242; วิสุทธิ. 1/127.
ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)



จริตใดเหมาะกับสมถกรรมฐานกองไหน

จริต หรือ จริยา ๖ (ความประพฤติปกติ, ความประพฤติซึ่งหนักไปทางใดทางหนึ่ง อันเป็นปกติประจำอยู่ในสันดาน, พื้นเพของจิต, อุปนิสัย, พื้นนิสัย, แบบหรือประเภทใหญ่ๆ แห่งพฤติกรรมของคน)
    ตัวความประพฤติเรียกว่า จริยา บุคคลผู้มีความประพฤติอย่างนั้นๆ เรียกว่า จริต

    ๑. ราคจริต (ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางรักสวยรักงาม) กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ
        ๑.๑ อสุภะ ๑๐
             -   อุทธุมาตกอสุภ   
             -   วินีลกอสุภ   
             -   วิปุพพกอสุภ   
             -   วิฉิททกอสุภ
             -   วิกขายิตกอสุภ   
             -   วิขิตตกอสุภ
             -   หตวิกขิตตกอ
             -   โลหิตกอ   
             -   ปุฬุวกอสุภ
             -   อัฏฐิกอสุภ
        ๑.๒ กายคตาสติ

 
    ๒. โทสจริต (ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางใจร้อนหงุดหงิด)กรรมฐานที่เหมาะ คือ
        ๒.๑ พรหมวิหาร ๔
        ๒.๒ วรรณกสิณ อีก ๔ กอง
             -   นีลกสิณ (กสิณคือสีเขียว)
             -   ปีตกสิณ (กสิณคือสีเหลือง)
             -   ลหิตกสิณ (กสิณคือสีแดง)
             -   โอทาตกสิณ (กสิณคือสีขาว)

 
    ๓. โมหจริต (ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางเขลา เหงาซึมเงื่องงง งมงาย)
กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ
             -   อานาปานสติ
             -   และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู


     ๔. สัทธาจริต (ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางมีจิตซาบซึ้ง ชื่นบาน น้อมใจเลื่อมใสโดยง่าย) พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น
         พิจารณาอนุสติ ๖ ข้อ คือ
             -   พุทธานุสสติ   
             -   ธัมมานุสสติ
             -   สังฆานุสสติ   
             -   สีลานุสสติ   
             -   จาคานุสสติ
             -   เทวตานุสสติ


    ๕. พุทธิจริต หรือ ญาณจริต (ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปในทางใช้ความคิดพิจารณา) กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ
             -   มรณานุสสติ   
             -   อุปสมานุสสติ
             -   อาหาเรปฏิกูลสัญญา   
             -   จตุธาตุวัตถาน


    ๖. วิตกจริต (ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางนึกคิดจับจดฟุ้งซ่าน) พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น
             -   อานาปานสติ



กรรมฐานที่เป็นกลางๆเหมาะกับทุกจริต
     (มีจริตอะไรก็ตาม สามารถฝึกกรรมฐานนี้ได้) คือ
     ๑. อรูปฌาณ ๔ 
     ๒. ภูตกสิณ ๔ กอง คือ
           -   ปฐวีกสิณ (กสิณคือดิน, กสิณที่ใช้ดินเป็นอารมณ์)
           -   อาโปกสิณ (กสิณคือน้ำ)
           -   เตโชกสิณ (กสิณคือไฟ)
           -   วาโยกสิณ (กสิณคือลม)
     ๓. กสิณอื่นๆ อีก ๒ กอง
           -   อาโลกกสิน   
           -   อากาสกสิณ


ที่มา คัมภีร์วิสุทธิมรรค
ขอบคุณภาพจาก http://www.pattanakit.net/,http://www.globalfashionreport.com/,http://www.thairath.co.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28487
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เหตุที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสติปัฏฐานไว้ ๔ อย่าง ก็เพราะทรงเกื้อกูลแก่เวไนยสัตว์ที่มีจริตต่างกัน คือ

๑. ตัณหาจริตอย่างอ่อน มีกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์ที่หยาบจะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และในการเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานในหมวดที่มีนิมิตเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักก็เหมาะสมกับพวกสมถยานิกะประเภทยังอ่อน (พวกที่ปฏิบัติสมถะ)

๒. ตัณหาจริตอย่างกล้า มีเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ละเอียดจะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับพวกสมถยานิกะประเภทแก่กล้า

๓. ทิฏฐิจริตอย่างอ่อน มีจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์ละเอียดแต่ก็แยกรายละเอียดออกไปไม่มากนัก จะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับผู้ที่เป็นวิปัสสนายานิกบุคคลประเภทยังอ่อน

๔. ทิฏฐิจริตแก่กล้า มีธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งมีอารมณ์อันละเอียดลึกซึ้งแยกประเภทออกไปมาก จะเป็นหนทางแห่งการปฏิบัติแล้วเกิดผลได้ และเหมาะสมกับผู้ที่เป็นวิปัสสนายานิกบุคคลประเภทแก่กล้า


ที่มา : สติปัฏฐาน แบ่งตาม "จ ริ ต" ?..และ อ า นิ ส ส ง ส์.. ๗ ๖ ๕ ๔..?
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3485.0
ขอบคุณภาพจาก http://old.luangpunenkham.com/



จริต ๔
     สติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ ท่านแสดงว่าย่อมเป็นไปเพื่อละจริตทั้ง ๔ อันได้แก่
     - กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องละตัณหาจริต ที่มีปัญญาอ่อน
     - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องละตัณหาจริต ที่มีปัญญากล้า
     - จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องละทิฏฐิจริต ที่มีปัญญาอ่อน
     - ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องละทิฏฐิจริต ที่มีปัญญากล้า

   อนึ่ง ท่านแสดงว่า เป็นการปฏิบัติที่เหมาะแก่ ยานิก คือ บุคคลผู้มีธรรมะเป็นยวดยานพาหนะสำหรับบรรลุถึงธรรมะ ที่แตกต่างกัน คือ
   - กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสำหรับคนที่เป็น สมถยานิก คือ ผู้ที่มีสมถะเป็นยวดยานพาหนะที่มีปัญญาอ่อน
   - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสำหรับ สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นยวดยานพาหนะที่มีปัญญากล้า
   - จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสำหรับ วิปัสสนายานิก คือ ผู้ที่มีวิปัสสนาเป็นยวดยานพาหนะที่มีปัญญาอ่อน
   - ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมาะสำหรับ วิปัสสนายานิก คือ ผู้มีวิปัสสนาเป็นยวดยานพาหนะที่มีปัญญากล้า


ที่มา : สติปัฏฐาน ๔ เป็น "สมาธินิมิตร"....สมาธิทำให้เกิด "สติสัมปชัญญะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=9428.0
ขอบคุณภาพจาก http://www.dokmaiban.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2013, 09:10:17 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28487
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


คุณหรือใคร “มีจริตอย่างไร” ตามมาครับ


ที่มา  วิทยานิพนธ์ “การศึกษาเรื่องการบรรลุธรรม ในพุทธศาสนาเถรวาท” ของ พระมหาอำนวย อานนฺโท(จันทร์เปล่ง)
ขอบคุณภาพจาก http://3.3qdc.com/,http://www.thisisclick.com/,http://carstune.files.wordpress.com/,http://www.classifiedthai.com/,http://iam.hunsa.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28487
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เผยแพร่เมื่อ 8 ม.ค. 2013 โดย DhammAAnimation

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔
๑๔. พุทธวรรควรรณนา
๑. เรื่องมารธิดา 
   
รอยพระบาทจะปรากฏเพราะทรงอธิษฐาน
      ฝ่ายพราหมณ์ไปเรือนแล้ว บอกกะนางพราหมณีว่า "นางผู้เจริญ วันนี้ เราเห็นบุรุษผู้สมควรแก่ธิดาของเราแล้ว, พวกเราจักให้ธิดานั้นแก่เขา" ให้ธิดาตกแต่งกายแล้ว ได้พาไปยังที่นั้นพร้อมด้วยนางพราหมณี. แม้มหาชนก็ตื่นเต้น พากันออกไป (ดู).

     พระศาสดาไม่ได้ประทับยืนอยู่ในที่ที่พราหมณ์บอกไว้
     ทรงแสดงเจดีย์ คือ รอยพระบาทไว้ในที่นั้นแล้ว ได้ประทับยืนเสียในที่อื่น.
     ทราบว่า เจดีย์ คือ รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ที่พระองค์ทรงอธิษฐานว่า
     "บุคคลชื่อโน้นจงเห็นเจดีย์ คือ รอยเท้านี้" แล้วทรงเหยียบไว้เท่านั้น.


     ชื่อว่า ผู้ที่จะเห็นเจดีย์ คือ รอยพระบาทนั้นในที่ที่เหลือไม่มี.
     พราหมณ์ถูกนางพราหมณีผู้ไปกับตนถามว่า "บุรุษนั้นอยู่ที่ไหน" จึงบอกว่า
     "ฉันได้สั่งเขาไว้แล้วว่า ‘ท่านจงรออยู่ที่นี้’ พลางมองหาอยู่ พบรอยพระบาทแล้ว จึงชี้ว่า นี้รอยเท้าของเขา."


รอยเท้าเป็นเครื่องแสดงลักษณะของคน
     นางพราหมณีนั้นกล่าวว่า "พราหมณ์นี้ ไม่ใช่รอยเท้าของบุคคลผู้บริโภคกาม"
     เพราะความที่นางเป็นคนฉลาดในมนต์เครื่องทำนายลักษณะ
     เมื่อพราหมณ์พูดว่า "นางผู้เจริญ เจ้าเห็นจระเข้ในตุ่มน้ำ สมณะนั้นเราบอกแล้วว่า
     ‘เราจักให้ธิดาแก่เขา’ ถึงเขาก็รับคำของเราแล้ว" กล่าวว่า
     "พราหมณ์ ท่านบอกอย่างนั้นก็จริง ถึงดังนั้น รอยเท้านี้เป็นรอยเท้าของผู้หมดกิเลสทีเดียว"
     ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ว่า :-


                         ก็คนเจ้าราคะ พึงมีรอยเท้ากระหย่ง (เว้ากลาง)
                         คนเจ้าโทสะ ย่อมมีรอยเท้าอันส้นบีบ (หนักส้น)
                         คนเจ้าโมหะ ย่อมมีรอยเท้าจิกลง (หนักทางปลายเท้า)
                         คนมีกิเลสเครื่องมุงบังอันเปิดแล้วมีรอยเท้าเช่นนี้ นี้.

     ทีนั้น พราหมณ์จึงบอกนางพราหมณีว่า "นางผู้เจริญ เจ้าอย่าอึงไป จงเป็นผู้นิ่งมาเถิด"
     ไปพบพระศาสดาแล้ว จึงแสดงแก่นางพราหมณีนั้นว่า "นี้คือบุรุษคนนั้น."
     แล้วเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลว่า "สมณะเราจะให้ธิดา."
     .......ฯลฯ........



ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25.0&i=24&p=1
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=748&Z=798
คุณภาพจาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 12:04:43 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28487
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ

   เพราะหลาย ๆ ท่านกล่าวว่า ถ้าจะปฏิบัติภาวนา ต้องรู้จริต ของตนเองก่อนคะ


  thk56

 ans1 ans1 ans1
     
     ผมหาข้อมูลมาให้อ่าน เรียกได้ว่า หมดไส้หมดพุง มีปัญญาหามาได้เท่านี้ครับ
     กรุณาอ่านให้จบ สงสัยอะไรก็ถามได้
     เหนื่อยมาก ขอคุยเท่านี้ครับ

      :25:
   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณ ทุกคำตอบ คะ

    thk56 thk56 thk56
บันทึกการเข้า

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จริงหรือไม่คะ ที่ว่า ถ้าฝึกกรรมฐาน ผิด จะทำให้เราเป็นบ้า หรือ วิปริต คะ

 thk56

 
บันทึกการเข้า