**ผู้เรียบเรียงอยากจะยกตัวอย่างอีกเรื่องให้เห็นในยุคปัจจุบัน
เรื่องที่บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป คือ
ได้ยินว่า การเกิดที่จะได้อย่างยากในยุคปัจจุบันมี ๔ อย่างคือ
เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากอย่างที่หนึ่ง
เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา ยากอันดับสอง
เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา และอยู่ในสมัย
ที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่ ยากอันดับสาม.
เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในแดนของพุทธศาสนา อยู่ในสมัย
ที่พุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่ และได้พบพระพุทธองค์ได้ฟังเทศนา
จากพุทธองค์ ยากอันดับสี่. ในยุคปัจจุบัน ประเทศไทยเราถือว่า ในอยู่แดนของพุทธศาสนา
และเราได้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถือว่า เรายังโชคดีที่ยังอยู่
ในเกณฑ์การเกิดยาก อันดับสอง เพราะยังมีหลักธรรมให้ประพฤติ
ปฏิบัติได้ แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ การศึกษาหลักธรรมในปัจจุบัน มี
บางท่านเห็นผิดไปจากความเดิม อันเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เหมือนดั่งคำอาจารย์ที่ว่า จับงูที่หาง จะถูกงูกัดตาย หรือ
ดังความว่า บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไป ฉะนี้เป็นต้น
ฉะนั้น ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
จึงควรขวนขวายหาความรู้ในหลักธรรม โดยความสุขุมรอบคอบ
พิจารณาไตร่ตรอง ใคร่ครวญ สอบถาม เทียบเคียง กับบัณฑิตและ
ครูบาอาจารย์
สิ่งหนึ่งที่จะพึงให้เราสังเกตุได้ว่า การศึกษาในธรรมของเรา
มาถูกทางหรือเปล่า คือ สังเกตุในจิตใจของตัวเราว่า เรามีความ
โลภอยากได้ มีความโกรธอาฆาต และหลงไปกับสิ่งต่าง ๆ น้อย
หรือมากกว่าเดิม เช่น มีมิจฉาทิฏฐิ ดื้อรั้น ถือดี ขัดเคืองใจง่าย
ไม่ฟังคำเตือนของกัลยาณมิตร ถือว่า เราเดินทางผิด
แต่ถ้าหากศึกษาธรรมแล้ว เริ่มเข้าใจสภาวความจริงของธรรมชาติ
ว่า ทุกสิ่งในโลกทั้งหมดล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทุกสิ่งล้วน
อาศัยเหตุอาศัยปัจจัยจึงเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเป็นอยู่คงอยู่ด้วยตัวมันเอง
โดยไม่อาศัยปัจจัยปรุงแต่งขึ้น สิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัสในขณะนั้น
ก็เพราะสิ่งนั้นอาศัยเหตุ อาศัยปัจจัยจึงมีขึ้น เมื่อหมดปัจจัยอันปรุงแต่ง
ขึ้นแล้ว สิ่งนั้นก็มิได้มีอยู่จริง เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ให้สังเกตุจิตใจ
เราเองว่า เรามีโลภอยากได้จนเกินเหตุหรือเปล่า
เราเป็นคนถือดีหรือเปล่า
เราเป็นคนโกรธง่ายหรือเปล่า
เราหลงไปติดยึดกับสภาพแวดล้อมหรือเปล่า
เรามีจิตใจอ่อนโยน มีสัมมาคารวะหรือเปล่า
เรามีเมตตา กรุณา ต่อสรรพสิ่งทั้งหลายมากขึ้นหรือเปล่า
หากเราสังเกตุแล้ว เห็นว่า สิ่งที่ดีที่กล่าวมามีมากขึ้นในจิตใจ
สิ่งที่ไม่ดีที่กล่าวมามีน้อยลงในจิตใจ ถือว่า เราเดินทางถูก
เมื่อเรามีความเห็นตรง ก็จงพัฒนาจิตให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้น
เพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฏะ อันเป็นกองทุกข์ทั้งสิ้น.
อย่าให้เหมือนคำว่า เข้าถ้ำสมบัติแล้วออกมามือเปล่า อันจะเป็น
การเสียชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา**
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้สว่างมาแล้ว มีสว่างต่อไปเป็นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลก เกิดมาในตระกูลสูง คือ ตระกูลกษัตริย์มหาศาล
ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือตระกูลคหบดีมหาศาล อันเป็นตระกูล
มั่งคั่ง มีทรัพย์มากมีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องใช้ที่น่า
ปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์สินเหลือล้น อนึ่ง เขามีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเป็นผู้มี
ผิวพรรณงามยิ่งนัก มีปรกติได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ
ระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป
เขาย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริต
ด้วยกาย วาจา และใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีสว่างต่อไปอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
ในจูฬกัมมวิภังคสูตร สุภมาณพ โตเทยยบุตร ได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล
เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลว
และความประณีต คือ มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏมีอายุสั้น มีอายุยืน
มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย
มีศักดามาก มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูง
ไร้ปัญญา มีปัญญา ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ
เป็นปัจจัย ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและ
ความประณีต ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรม
ย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด
หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต เขาตายไป
จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม
สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุสั้นนี้ คือ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์
ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัต
ประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต ฯ
ดูกรมาณพ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม
บุรุษก็ตาม ละปาณาติบาตแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต
วางอาชญา วางศาตราได้ มีความละอาย ถึงความเอ็นดู
อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่เขาตายไป
จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม
สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามา
เป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุยืน ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุยืนนี้ คือ ละปาณาติบาต
แล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้
มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลใน
สรรพสัตว์และภูตอยู่ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษ
ก็ตาม เป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือ
ท่อนไม้ หรือศาตราเขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หาก
ตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์
เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก
ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมากนี้ คือ เป็นผู้มีปรกติ
เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือ ก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็
ตามเป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือ
ท่อนไม้ หรือศาตราเขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะ
กรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป
ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ใน
ภายหลัง จะเป็นคนมีโรคน้อย ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคน้อยนี้ คือ เป็นผู้มีปรกติ
ไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดินหรือท่อนไม้ หรือศาตรา ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตามบุรุษก็ตาม
เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อย ก็ขัดใจ
โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และ
ความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต
นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หาก
ตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็น มนุษย์ เกิด
ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทรามนี้ คือ
เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคืองถูกเขาว่าเล็กน้อยก็
ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย
และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษ
ก็ตามเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่า
มาก ก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำ
ความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไป
จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม
สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้า
มาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนน่าเลื่อมใส ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อเป็นผู้น่าเลื่อมใสนี้ คือ
เป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามาก
ก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความ
โกรธ ความร้าย ความขึ้งเคียดให้ปรากฏ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษ
ก็ตาม มีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ
ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น
เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น
อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึง
อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ใน
ภายหลังจะเป็นคนมีศักดาน้อย
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดาน้อยนี้ คือ มีใจ ริษยา
ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความ
นับถือการไหว้ และการบูชาของคนอื่น ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษ
ก็ตาม เป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉา
ในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชา
ของคนอื่น เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น
อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติ
โลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็น
คนมีศักดามาก
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดามากนี้ คือ มีใจไม่ริษยา
ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ
ความนับถือการไหว้ และการบูชาของคนอื่น ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
ย่อมไม่เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้
ที่นอน ที่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาตาย
ไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้
พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็น
คนมีโภคะน้อย
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะน้อยนี้ คือ ไม่ให้ข้าวน้ำ
ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัยเครื่อง
ตามประทีปแก่สมณะหรือพราหมณ์ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
ย่อมเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้
ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์
เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่ง
พร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโภคะมาก ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะมากนี้ คือ ให้ข้าว
น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย
แก่สมณะหรือพราหมณ์ ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม
บุรุษก็ตามเป็นคนกระด้าง เย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คน
ที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะ
แก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่
ทางไม่สักการะคนที่ควรสักการะ ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ
ไม่นับถือคนที่ควรนับถือไม่บูชาคนที่ควรบูชา เขาตายไป
จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อัน
เขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้า
ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ
ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเกิดในสกุลต่ำนี้ คือ
เป็นคนกระด้าง เย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้
ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ
ไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง ไม่สักการะคนที่ควรสักการะ
ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ ไม่บูชา
คนที่ควรบูชา ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม
บุรุษก็ตามเป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่
ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควร
แก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควร
สักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคน
ที่ควรบูชา เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น
อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึง
สุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง
จะเป็นคนเกิดในสกุลสูง ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีสกุลสูงนี้ คือ
เป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่งย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้
ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทาง
แก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควร
เคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษ
ก็ตามย่อมไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า
อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไร
ควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้
หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์
เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญาทราม
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญาทรามนี้ คือ
ไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล
อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ
อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่า อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน ฯ
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม
บุรุษก็ตามย่อมเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ
อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป
ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง
จะเป็นคนมีปัญญามาก
ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญามากนี้ คือ เป็นผู้เข้าไป
หาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็น
อกุศล อะไรมีโทษอะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ
อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน
หรือว่าอะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ
ความสุขสิ้นกาลนาน ฯอ้างอิง
#ขุทฺทก.อ. ๑/๖/๑๔๒; ม.อุ. ๑๔/๕๗๙-๕๙๖;ที.ปา. ๑๑/๒๘๖.
#สํ.สฬ. ๑๘/๕๙๘-๖๐๑; สํ.ม. ๑๙/๑๗๙๒-๑๗๙๓; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๘๕
ที่มา สารานุกรม พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน
ในพระไตรปิฎกเท่าที่อ่านมาบางส่วน ผมยังไม่เห็นพระพุทธเจ้าบอกวิธีว่า ต้องทำอย่างไร หากต้องการเกิด
เป็นคนของประเทศนั้นประเทศนี้ และก็ไม่ได้บอกว่า ถ้าเกิดเป็นคนประเทศนี้แล้ว
ชาติต่อไปต้องเกิดเป็นคนในประเทศใด พระพุทธองค์ส่งเสริมให้ไม่เกิดมากกว่า คือ เข้าให้ถึงนิพพานนั่นเอง
ดังนั้น เราไม่ควรกำหนดหรือสนใจว่า ชาติหน้าเราจะเป็นคนไทยหรือไม่อย่างไร
เพราะเราไม่อาจรู้ว่า โลกหน้าจะเ้ป็นอย่างไร ที่สำคัญปัจจุบันเราก็ไม่อาจรู้เช่นกันว่า
เราจะถึงนิพพานหรือไม่อย่างไร เพื่อความปลอดภัยและไม่ตั้งอยู่ในความประมาท
เราต้องตั้งจิตอธิษฐานแบบกว้างๆไว้ก่อน ผมจึงขอแนะนำให้อธิษฐานแบบนี้ครับ คำอธิษฐาน กราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระพุทธปฎิมา)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด 3 จบ)ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อม บูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน เพื่อตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ประกาศธรรม นำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฎ
พร้อมกราบพระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้
จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน ได้พบสัตตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ
มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรม
ประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ
ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ
แม้ยังต้องเกิดอีกในภพชาติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนา
และท่ามกลางกัลยาณมิตร กรรมใดที่ได้ล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอดีตชาติก็ตาม ปัจจุบันชาติก็ตาม
ขอกราบอโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร
เทพยดาอารักษ์และผู้ปกปักรักษาดูแลข้าพเจ้าและครอบครัว
ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่ง
ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์
ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้น
จงมีแต่ความสุข ทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ
ที่มา http://www.farmphun.com/stories/1dharma/530217_pray_for_corrected_wishes.htm